เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกวันที่ 29 ธ.ค.2566 ร.ต.อ.ทิชานนท์ ปลื้มสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตหลายราย ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมทางหลวงหมายเลข 22 -นครพนม-สายสกลนคร บริเวณบ้านผึ้ง หมู่ 1 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาคภูมิ เตชะเรืองศิลป์ ผกก. ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม แพทย์ รพ.นครพนม กู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนม กู้ภัยศรีสัตตนครพนม และรถกู้ชีพ อบต.บ้านผึ้ง

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าสำนักงานปั๊มน้ำมันดังกล่าวพบศพนายพรหมจักร อายุ 33 ปี ชาวลาว สภาพนอนตะแคงถูกของแข็งทุบศีรษะจนเละกะโหลกเปิด มันสมองกระจายเลือดไหลนองเต็มพื้น ใกล้กันพบศพ น.ส.วิชุดา อายุ 50 ปี สภาพยังคร่อมรถจยย. ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน นครพนม ที่ล้มอยู่ มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิดที่ท้ายทอย 1 นัด กระสุนทะลุแก้ม จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามนางสุพิรม อายุ 33 ปี น้องสาวนายพรหมจักร ผู้ตาย เบื้องต้นให้การว่า ผู้ตายทั้งสองเป็นพนักงานปั๊มดังกล่าว ส่วนตนทำงานที่ปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ปากทางเข้า บ้านนามูลฮิ้น หลังจากเลิกงานประมาณ 22.00 น. ก็ขี่รถจยย.มาที่ปั๊มเกิดเหตุเพื่อจะมานอนที่ออฟฟิศกับพี่ชาย เมื่อมาถึงก็พบเห็นสภาพศพของทั้งคู่ถูกฆ่าตายแล้ว ด้วยความตกใจจึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งนายจ้าง ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้ง191ให้ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

นายชาตรี อายุ 61 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมัน กล่าวว่า ปั๊มแห่งนี้เปิดมา 4 ปีแล้ว มีลูกจ้าง 4 คนมีคนไทยเป็นหญิง 3 คนรวมกับ น.ส.วิชุดา ผู้ตาย ทำงาน 2 กะ ส่วนนายพรหมจักร ผู้ตายเข้ากะบ่ายจนถึงค่ำ ปกติทุกวันจะให้ลูกชายหรือภรรยามาเก็บเงินที่ขายได้ในแต่ละวัน ส่วนกะค่ำจะให้นายพรหมจักร เก็บเงินที่ขายได้ไว้ก่อนพอเช้าค่อยเอาไปเข้าฝากธนาคารอีกรอบหนึ่ง ปกติช่วง 4 ทุ่มน้องสาวผู้ตายจะมานอนที่ปั๊มแห่งนี้ แต่วันนี้มาถึงก็พบพนักงานปั๊มทั้งคู่ทั้งคู่ถูกฆ่าตายแล้วจึงแจ้งให้ตนทราบ จึงรีบมาตรวจสอบ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบ เพราะทรัพย์สินยังอยู่ครบ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเสียก่อน

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นพบว่าในบริเวณปั๊มมีกล้องวงจรปิด 16 ตัวแต่ปลั๊กไฟของเครื่องบันทึก (เซริฟเวอร์) ถูกดึงออก และยังพบเงินที่ได้จากการขายน้ำมันประมาณ 30,000 บาท อยู่ในกระเป๋าคาดเอวของนายพรหมจักร ผู้ตาย ทั้งนี้มีพยานให้การว่า ก่อนที่ น.ส.วิชุดา ถูกยิงจนเสียชีวิตในช่วงสายของวันเดียวกันมีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหาแต่นางสาววิชุตา ไม่ได้รับสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์สายที่โทรเข้าว่าเป็นของใคร และตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสเชื่อมโยงการฆาตกรรมโหดครั้งนี้ อย่างเร่งด่วนแล้ว

โดยญาติ น.ส.วิชุดา ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้ตายได้หย่าร้างกับสามีมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีบุตรด้วยกัน 1 คนซึ่งโตจนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วคดีนี้ เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นปมสังหารไว้หลายประเด็น มีปมชู้สาวขัดผลประโยชน์และหนี้สิน ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้มาดำเนินคดีต่อไป