จากกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ระบุพาดพิงถึงการดูแลและรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง 2 มาตรฐาน ตลอดจนเมื่อครั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางบางขวาง มีคณะผู้ติดตาม ได้นำโทรศัพท์มือถือเข้าภายเรือนจำ จึงขอให้กรมราชทัณฑ์ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางบางขวาง ในกรณีการดูแลรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง ซึ่งได้ยืนยันว่าทางเรือนจำให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ต้องขังทุกราย แม้กระทั่งผู้ต้องขังชาวต่างประเทศอย่างเท่าเทียมกัน โดยมีโรงพยาบาลกลางบางขวางภายในเรือนจำ ที่ให้การรักษาพยาบาล และหากมีการเจ็บป่วยที่เกินความสามารถของโรงพยาบาลกลางบางขวาง ก็จะดำเนินการส่งเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแม่ข่ายหรือโรงพยาบาลเฉพาะทางของโรคเหล่านั้น ในส่วนของการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังในเรื่องปัจจัย 4 การควบคุมดูแลและการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์และข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งองค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อกำหนดแมนเดลา  – Mandela Rules)

กรมราชทัณฑ์ ระบุอีกว่า สำหรับในกรณีการนำโทรศัพท์มือถือเข้าภายในเรือนจำนั้น ขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจในกรณีดังนี้ว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 66 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมภายในเรือนจำ และได้มีบุคคลในคณะของรัฐมนตรีซึ่งติดตามมาในภายหลัง เนื่องจากมีภารกิจต้องติดต่อประสานงานราชการอย่างต่อเนื่อง โดยงานควบคุมของเรือนจำจึงได้แจ้งขออนุญาตต่อผู้บัญชาการเรือนจำในการนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาในภายในเรือนจำ เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานราชการ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ 2560 บัญญัติว่า “สิ่งของต้องห้าม ตามมาตรา 72 และมาตรา 73 ไม่หมายความรวมถึงสิ่งของต้องห้ามที่ใช้ในราชการ” ทั้งนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง จึงได้อนุญาตให้บุคคลที่มีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสารของทางราชการ นำเข้าภายในเรือนจำได้ เช่น แพทย์ หรือส่วนราชการที่มาร่วมงานในเรือนจำเป็นเวลานาน และมีความจำเป็นในการใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารในขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบตามกฎหมาย.