เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นำข้อมูลขบวนการรับส่วยและเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มามอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ตามที่ได้นัดหมายทางโทรศัพท์ขณะเปิดแถลงข่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะส่งพยานหลักฐานที่ได้รับจากทนายตั้มไปให้ บก.ปปป. ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน รวมถึงตรวจสอบเส้นเงินว่าเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง รวมถึงจะเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่สำนวนนี้ยังไม่ส่งไป ป.ป.ช. เนื่องจากทนายตั้มยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีตามความผิดมาตรา 157 และ 149 อย่างไรก็ตามไม่กังวลเรื่องพยานหลักฐาน เพราะเชื่อว่าเป็นวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ ยืนยันเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะดำเนินการตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

“ถือเป็นเรื่องดีที่ทนายนำข้อมูลมาให้ แม้ว่าทางตำรวจจะมีข้อมูลจากคดีเก่าอยู่แล้วบางส่วน แต่เป็นโอกาสดีที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะตำรวจก็ต้องการกวาดบ้านตัวเองทุกมิติทั้งเส้นทางการเงิน 30 เส้น รวมถึงตัวย่อนายตำรวจต่างๆ ที่ถูกพาดพิงไม่มีละเว้น ส่วนกรณีที่ถูกมองว่าผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสายตรงของนายตำรวจใหญ่นั้น ยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นเด็กใครตามหน้าที่ไม่ใช่เด็กใคร ผมทำงานมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความสามารถตัวเอง ทำเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอดและมีอุดมการณ์ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขังแน่นอน” รอง ผบช.ก. ระบุ

สำหรับกรณีที่ตำรวจออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สองครั้งนั้นไม่ขอพูดถึง เพราะไม่อยากสร้างประเด็นอื่นๆ และไม่อยากให้ขัดกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ย้ำกับสื่อมวลชนว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์อีก

ด้านทนายตั้ม กล่าวว่า มาในฐานะประชาชนที่พบเห็นการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงนำเอกสารหลักฐานเป็นแชต สลิปโอนเงิน และเส้นทางการเงินจากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์ของนายคชาชาญ ไปยังนายณัฐพงษ์ ก่อนจะมีการโอนต่อไปยังตำรวจหลายนาย รวมถึงอดีตอุปนายกสมาคมนักข่าวแห่งหนึ่งให้ทำบุญ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลการโอนไปยังเครือญาติของบิ๊กตำรวจ มามอบให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ด้วย ซึ่งจะรอดูการทำสำนวนว่า จะมีการตรวจสอบรายละเอียดตามที่ได้ร้องวันนี้หรือไม่ ก่อนพิจารณาดำเนินการต่อไป

“เบื้องต้นอยากให้ทางตำรวจตรวจสอบข้อมูลที่นำมาให้ก่อนว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ก่อนขอเอกสารฉบับจริงจากทางธนาคารเพื่อดำเนินคดี ยืนยันว่าไม่มีเจตนาออกมาป่วน ตอนนี้ยอมรับว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากสายลับที่เป็นตำรวจ จึงส่งข้อมูลมาให้ผมเพราะทนกับระบบไม่ได้ แต่ข้อมูลที่ได้รับมาไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่หากพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กระทำผิดกฎหมายผมก็จะไม่เกรงใจเหมือนกัน และหลังจากนี้จะไม่ขอให้สัมภาษณ์ถึงบิ๊กโจ๊กอีก” ทนายตั้ม กล่าว

นายษิทรา กล่าว และว่า ส่วนกรณีทีมทนายความ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะไปฟ้องศาลอาญากรุงเทพใต้ฐานหมิ่นประมาทในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เบื้องต้นได้รับทราบแล้วและรู้ว่าใครคือทีมทนาย ซึ่งบุคคลดังกล่าวเคยฟ้องร้องกับผมมาแล้ว 6 คดีแต่ศาลยกฟ้องทุกคดี พร้อมเตือนไปยัง ผบ.ตร. ขอให้คิดดีๆ คิดใหม่

จากนั้นทนายตั้มได้พูดชื่อของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่าเป็นผู้ที่เคยฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาทกับตนและตนชนะทุกคดี แต่ไม่เคยได้รับเงินชดใช้ตามที่ศาลมีคำสั่ง พร้อมฝากไปถึงนายอัจฉริยะให้ออกมายืนข้างประชาชนอย่าไปออกรับแทนตำรวจ แต่ควรแฉเรื่องส่วยดีกว่า พูดเองยังขนลุก วันเสาร์นี้ตนจะไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง พร้อมเชิญชวนให้ผู้สื่อข่าวไปด้วยกัน เพราะจะเปิดข้อมูลขบวนการนี้เพิ่มเติม หลังจากนั้นจะเข้ามาให้ข้อมูลกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติอีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ เพราะ เชื่อมั่นใน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพิ่มขึ้นเป็น 70%