จากกรณีโค้ชฟุตบอล ร่วมกับ อดีตทหารยศพันตรี ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ล่อลวงเด็กนักเรียนชายอายุ 10-13 ปี จำนวนมากเข้าทีมฟุตบอลและข่มขืนกระทำชำเรา-ถ่ายคลิป จากนั้นมูลนิธิปวีณาหงช่วยเหลือเด็กชาย ที่ถูกโค้ชและผู้สนับสนุนทีมข่มขืนกระทำชำเรา และประสานตำรวจ ปคม.จนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีได้ และผู้ต้องหาก็ได้ประกันตัวออกมาจากคุกเพื่อต่อสู้คดี นั้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ม.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ตำรวจ ปคม. ได้เดินทางไปที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 (สพป.อุดรธานี เขต2) ถ.อุ่มจาน ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ประชุมร่วมกับ ยุติธรรมจังหวัด , พ.ต.อ.ศิริมงคล บุญหนุน ผกก.สภ.ประจักษ์ศิลปาคม มอบหมาย พ.ต.ท.วชิรศักดิ์ สายสุทธิ รอง ผกก.ป. สภ.ประจักษ์ศิลปาคม , พัฒนาสังคมฯ , หน.บ้านพักเด็กฯ  ,นายอำเภอประจักษ์ศิลปาคม ,สพป.อุดรธานี เขต 1,2,3,4 , สพม.อุดรธานี และผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่ สพป.อุดรธานี เพื่อหามาตรการป้องกันให้เด็กนักเรียนมีความปลอดภัยและได้รับความเป็นธรรม

โดยสรุปขณะนี้มีเด็กชายที่ตกเป็นเหยื่อที่ร้องขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือก่อนหน้านี้ 7 ราย และวันนี้มีเพิ่มมาอีก 1 ราย และมีอีก 1 รายที่ปรากฎอยู่ในคลิป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล รวมมีเด็กผู้เสียหายขณะนี้ทั้งหมด 9 ราย ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ และต้องการจะดำเนินคดีกับโค้ชฟุตบอลและอดีตทหารยศนายพัน ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ให้ถึงที่สุด

นางปวีณา เปิดเผยภายหลังประชุมว่า วันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสังคมมาประชุมบูรณาการร่วมกัน เพื่อขยายผลและดูแลเด็กผู้เสียหายพร้อมทั้งครอบครัวให้ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ทางสถานศึกษาจะหามาตรการป้องกันไม่ให้เหตุร้ายเกิดขึ้นกับเด็กอีกต่อไป และสร้างความมั่นใจให้กับเด็กในเรื่องการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนทางอำเภอจะเข้าไปดูแลความปลอดภัย กระทรวงยุติธรรมจะช่วยเงินเยียวยาเด็กผู้เสียหายรายละ 55,000 บาท อีกทั้งทางพัฒนาสังคมฯ จะเข้าเยี่ยมบ้านดูแลครอบครัว ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ จะร่วมกับกับตำรวจ ปคม. กระทรวงศึกษาธิการ และทุกหน่วยงาน ดำเนินการติดตามคดีอย่างใกล้ชิดจนถึงที่สุด

ด้าน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) หลังทราบเรื่องกรณีครูสาวถูกคุกคามจึงได้สั่งการทันที ให้ครูย้ายมาช่วยราชการที่ สพป.เขต 2 อุดรธานี โดยมีผลทันทีเพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัยของบุคลากรครู

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) แม่ของเด็กชาย 10 ขวบ 1 ใน 8 ของเด็กชายผู้เสียหาย กล่าวว่า ทุกวันนี้พ่อแม่ผู้ปกครองและลูกๆ ทุกคนมีความกังวลใจที่โค้ชฟุตบอล ผู้ต้องหา ได้รับการประกันตัวออกมาและส่งแชทไลน์ไปหาเด็กๆ ถามไถ่มีใครไปแจ้งความบ้าง ทำให้เด็กทุกคนหวาดกลัวเกรงจะไม่ปลอดภัย อย่างนี้จะเรียกว่ายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิกถอนการประกันตัวผู้ต้องหา เพราะทุกคนรู้สึกว่าถูกคุกคามในชีวิต นอกจากนี้ผู้ต้องหายังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์เสียงดังแทบทุกวันเหมือนเป็นการเยาะเย้ยไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายทำให้ทุกคนอยู่ไม่เป็นสุข และอยากให้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อและพ่อแม่ที่ยังไม่กล้าออกมาแจ้งความได้ยอมรับความจริงและออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกและครอบครัว อย่าอายเพราะเราเป็นผู้เสียหาย คนที่ทำผิดจะต้องเป็นคนที่ต้องละอายมากกว่า

ขณะที่ครูสาว ซึ่งให้การช่วยเหลือเด็กๆ และแจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า หลังมีการจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีทางญาติของผู้ต้องหาได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กในเชิงข่มขู่ เช่น วันพระไม่ได้มีหนเดียว และจะเอาเรื่องคนที่ไปแจ้งความให้ถึงที่สุด ทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนและเพื่อนครูเป็นห่วงสวัสดิภาพไม่ให้ครูเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวหรืออยู่ที่โรงเรียนคนเดียว จึงขอฝากเรื่องนี้ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย.