เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ห้องประชุมตึกกองบังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 1 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ถนนวิภาวดีรังสิต คณะพนักงานสอบสวนในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับทรัพย์จากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ 140 ล้านบาท นำโดยนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุด และคณะอัยการและตำรวจร่วมประชุมคับคั่ง

ทำความรู้จัก ‘พล.ต.ต.กัมพล’ ผู้การชลฯคนดัง เติบโตทำเลทองบช.ภ.2 ก่อนพันคดีรีด140ล้าน

สืบเนื่องจากกรณีมีผู้เสียหาย 6 ราย แจ้งความที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมพวกรวม 10 คน เรียกรับเงินกว่า 140 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่มาของวลีเด็ดว่า “เป้รักผู้การเท่าไหร่…เป้เขียนมา” ซึ่ง พล.ต.ต.กัมพล ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง โดยการประชุมใช้เวลาตั้งแต่ 09.00-15.00 น.เศษเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง

ภายหลังการประชุม นายวัชรินทร์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช ได้ให้สัมภาษณ์ โดย พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า วันนี้ใช้เวลาประชุมตั้งแต่เช้าเพื่อความละเอียดรอบคอบและรัดกุมมากที่สุดซึ่งการสอบพยานทั้งหมดซึ่งสอบไปแล้ว 130 กว่าปาก การพิจารณาในการที่จะดำเนินคดีคนใดบ้างซึ่งตรงนี้ก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะมีผู้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 22 รายโดย พล.ต.ต.กัมพล อดีตผบก.ภ.จว.ชลบุรี ก็โดนแจ้งข้อหา พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการ ทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ด้วย

นายวัชรินทร์ หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน กล่าวว่า วันนี้จากการประชุมชุดของอัยการที่เป็นชุดที่พิจารณาร่วมกันได้ใช้ความละเอียดมากตั้งแต่ 09.00 น. จนได้บทสรุปความผิดในคดี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พ.ร.บ.อุ้มหายฯ โดยมีการแจ้งข้อหาผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการตำรวจทั้งสิ้น 17 นายและมีพลเรือนที่ไม่ได้เป็นตำรวจอีก 4 ราย และครั้งนี้มีมติให้แจ้งข้อหารายใหม่เพิ่มอีก 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่ง 1 รายใหม่นี้เป็นคดีอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแต่ไม่มี พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทั้งสิ้น 22 ราย

ในส่วน พล.ต.ต.กัมพล อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรีกับพวกรวม 21 เดิมพนักงานสอบสวนชุดเดิมได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไว้ ก็คือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และข้อหาอื่นๆ ที่มีรายละเอียดปลีกย่อย แต่วันนี้มีการพิจารณาว่าเข้าตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ซึ่งข้อหาในส่วนนี้ชุดพนักงานสอบสวนมีการพิจารณาเมื่อพนักงานอัยการเข้ามากำกับ

จากการตรวจสอบการสอบสวนซึ่งเป็นไปตามมาตรา 30 ในส่วนที่มีพลเรือนโดนข้อหานี้ด้วยเพราะใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ข้อสำคัญคือไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือเจ้าหน้าที่ สามารถถูกดำเนินคดีเพราะมีการกระทำที่ร่วมกันกระทำความผิดได้บทนิยามถือไว้เลยว่า แม้ไม่ใช่เจ้าพนักงานแต่เจ้าพนักงานให้ทำหน้าที่หรือให้ช่วยเหลือก็ถือว่าได้มีการกระทำความผิด ตรงนี้ไม่ได้เป็นการสนับสนุนแต่เป็นการร่วมกันกระทำผิด

ส่วนจะสรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งอัยการปราบปรามทุจริตฯ ได้เมื่อไหร่นั้น ขั้นตอนจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมก่อน ต้องทำหนังสือออกหมายเรียกไปให้ผู้ต้องหาดังกล่าวทั้ง 22 ราย มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 12 และ13 ก.พ.ให้มารับทราบข้อกล่าวหาที่กองบังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 1 ตนเห็นว่าบางทีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ออกมาใหม่ หลักสำคัญคือการจับกุมผู้ต้องหา 1. ต้องมีการแจ้งการจับตามมาตรา 22 หลังจากแจ้งการจับเสร็จแล้วจะต้องส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี แต่ถ้าเกิดมีการจับแล้วไม่ได้มีการนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายอันนี้อาจจะถือว่าเข้าข่ายความผิดมาตรา 7

ส่วนขั้นตอนต่อไปเมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้วหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ก็ต้องสรุปสำนวนทำความเห็นในคดีซึ่งเราให้สิทธิผู้ต้องหาที่จะอ้างพยานหลักฐานอะไรเข้ามาได้ เราให้สิทธิเต็มที่ เราไม่ได้ตัดสิทธิ การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวยังไม่ได้หมายความว่าเราจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง เพียงแต่เป็นการเริ่มต้นของการสอบสวนที่เราเห็นว่า มีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่าน่าจะมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ซึ่งผู้ต้องหาเองก็มีสิทธิที่จะโต้แย้งหรือว่านำพยานหลักฐานเข้ามาให้เราสอบได้ เรากำหนดเวลาไว้แล้วว่าจะต้องเสร็จภายใน 60 วัน

ซึ่งคดีนี้ตั้งแต่เริ่มแรกทางพนักงานสอบสวนไม่มีการยื่นฝากขังผู้ต้องหาแต่อย่างใด ส่วนที่แจ้งข้อหาเพิ่มตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ นี้ก็ไม่ต้องยื่นฝากขังถือว่าเป็นการแจ้งข้อหา ซึ่งผู้ต้องหาส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าราชการตำรวจอยู่แล้ว

“ผู้ต้องหาชุดนี้ข้อหาเดิมก็มีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 157 แล้วก็มีพวกกักขังหน่วงเหนี่ยวนั่นคือข้อหาเล็กๆ แล้วก็มีวันนี้ที่แจ้งเพิ่มก็คือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ” นายวัชรินทร์ ระบุ