สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ว่า สำนักข่าวกรองยูเครน (เอสบียู) เผยแพร่รายงานว่า ผลการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดพบว่า กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือมากกว่า 20 ลูก โจมตีเป้าหมายหลายแห่งในยูเครน ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ระหว่างปลายเดือน ธ.ค. จนถึงช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ ข้อมูลจากเอสบียูบ่งชี้ว่า ชีปนาวุธดังกล่าวคือขีปนาวุธนำวิถี “ฮวาซอง-11” ด้านเกาหลีเหนือและรัสเซีย ยังคงสงวนท่าทีเกี่ยวกับเนื่องนี้ อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างชัดเจน และมากขึ้น นับตั้งแต่นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เยือนรัสเซีย และพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่เมืองวลาดิวอสตอค เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว


อนึ่ง รายงานโดยศูนย์วิจัยอาวุธยุทโธปกรณ์ในความขัดแย้ง (ซีเออาร์) เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ระบุว่า เกาหลีเหนือยังคงสามารถเข้าถึงส่วนประกอบที่ผลิตโดยบริษัทของตะวันตก เพื่อการผลิตและพัฒนาอาวุธของตัวเอง ทั้งที่กำลังเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนัก และอาวุธที่เกาหลีเหนือผลิตโดยใช้ส่วนประกอบของตะวันตก กำลังเป็นหนึ่งในอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งรัสเซียใช้สู้รบกับยูเครน


ผลการศึกษาของซีเออาร์ อ้างอิงจากการตรวจสอบขีปนาวุธนำวิถีลูกหนึ่งของเกาหลีเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของยูเครนเก็บกู้ได้ ในเมืองคาร์คิฟ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 ปรากฏว่า มีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 290 รายการ ที่ไม่ได้ผลิตในเกาหลีเหนือ จากจำนวนดังกล่าว 75% ผลิตโดยบริษัทในสหรัฐ อีก 16% ผลิตโดยบริษัทในทวีปยุโรป และอีก 9% มาจากบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในประเทศแห่งอื่น.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES