เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 26 ก.พ. ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ถนนนวมินทร์ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของอากู๋ และ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง และนายภคิน ทิมกุล หรือ ซันซัน หลานของอากู๋ มาแถลงข่าวกรณีที่ 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ที่ถูกแจ้งความในคดีบุกรุกบ้านอากู๋ และมีเรื่องฟ้องร้องบ้านครอบครองปรปักษ์

ทนายเดชา กล่าวว่า จากกรณีที่คู่กรณีท่านหนึ่ง ได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในบ้านพัก ตนขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอากู๋เองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน จึงขออโหสิกรรมให้

“แต่ผมมีสิ่งที่คาใจคือการที่ทนายความของคู่กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มีการใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือกดดันจนเป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิตตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้น คงไม่ใช่สาเหตุหลัก เพราะการไปร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้ช่วยเหลือนั้น เป็นเรื่องปกติ เป็นการนำเสนอข่าวเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน ให้ได้รับความเป็นธรรม ผมเห็นว่าทนายคู่กรณีไม่มีความรับผิดชอบ ไปแนะนำให้ลูกความไปบุกรุกครั้งที่ 2 หรือไม่ เป็นทนายความต้องมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ คุณธรรมต้องนำกฎหมาย โดยผู้ถูกกล่าวหามีความเชื่อมั่นในตัวทนายความคนล่าสุดมาก ว่าจะสามารถนำบ้านมาเป็นของตัวเองได้ ส่วนจะเป็นการหลอกเอาเงินลูกความหรือไม่นั้น ตนเองไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากให้ประชาชนไปคิดเอาเอง” ทนายเดชา กล่าว

สำหรับความคืบหน้าคดีแรก ที่ผู้เสียหายได้แจ้งความข้อหาบุกรุกกับผู้ถูกกล่าวหา 5 คนนั้น พนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องวันที่ 6 มีนาคมนี้ เวลา 09.00 น. เมื่อผู้ต้องหาเสียชีวิตไป 1 คน ก็ต้องจำหน่ายออกจากคดี ซึ่งแนวทางที่อัยการจะสั่งคดี มีทั้งหมด 3 แนวทาง คือ สั่งฟ้องทั้งหมด, สั่งสอบเพิ่มเติม และสั่งไม่ฟ้อง

ทนายเดชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สามีของผู้ตายพร้อมกับสามีของผู้ถูกกล่าวหาอีกคน ได้มาพบกับตนเองรวมถึงโทรศัพท์มาพูดคุยกับทนายเดชาว่า ภรรยาได้สำนึกผิดในการบุกรุกเข้าไปในบ้านของอากู๋ ซึ่งยินดีแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และติดต่อไปยังอากู๋ ต้องการที่จะเข้ากราบอากู๋ ก่อนที่จะเสียชีวิต มีความพยายามหลายครั้ง ซึ่งตนเองพยายามที่จะเป็นคนกลาง ช่วยคุยกับอากู๋ทั้งค่าเสียหาย และเรื่องคดีต่างๆ แต่อาจเป็นเพราะยังเจรจายังไม่ไปถึงไหน จึงอาจทำให้เกิดความเครียด ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

ทนายเดชา กล่าวว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผู้เสียชีวิตก็เสียใจ พยายามที่จะมาเยียวยาค่าเสียหาย ซึ่งคนที่ร้องศาลให้มีคำสั่งครอบครองปรปักษ์ ไม่ใช่ผู้เสียชีวิต แต่เป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตก็รู้สึกสำนึกในการกระทำ และพร้อมเยียวยาค่าเสียหายทั้งหมด โดยผู้ตายได้ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ให้ทนายความและแฟนของนายซัน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีข้อความระบุว่า “ยังไงก็คิดซะว่าทำบุญให้คนป่วยแบบพี่ด้วยนะคะ”

ทนายเดชา กล่าวว่า ส่วนตัวก็เพิ่งเคยเห็นคดีแรก ที่ทนายความทำคดีแล้วลูกความเครียดจนเสียชีวิต ซึ่งยังไม่คิดถึงเรื่องการยื่นให้สภาทนายความตรวจสอบจริยธรรมของทนายความคู่กรณี ขึ้นอยู่กับนายซันว่าจะดำเนินการร้องเรียนไปหรือไม่ แต่ตอนนี้อากู๋บอกแค่ว่า อยากให้มีการไกล่เกลี่ยโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งอากู๋เองทั้งเสียใจและช็อก

ด้าน นายซัน หลานชายของอากู๋ ก็ได้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายตนเองก็พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยที่ชั้นศาล ทางตนเองไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ ส่วนกรณีที่ทางทนายความคู่กรณีกล่าวโทษว่าฝ่ายตนเองพยายามใช้สื่อกดดันนั้น ฟังแล้วทำให้รู้สึกไม่ดีเลย

ขณะนี้กำลังปรึกษากันว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อดี ซึ่งตนเองทราบมาว่า ผู้ถูกกล่าวหา เตรียมยื่นเรื่องขอเจรจาและจะถอนฟ้องคดีปรปักษ์ แต่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ายังไม่ได้ถอน ซึ่งผู้ต้องหาพยายามที่จะติดต่อมาพูดตรงๆ ว่า ก่อนหน้านั้นก็ยังโกรธอยู่ เพราะบุกรุกมาซ้ำซ้อน แต่ตอนนี้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เรื่องนี้จะขอว่ากันอีกที

ส่วนการจะขายบ้านหลังนี้ให้กับคู่กรณีหรือไม่ ดำเนินการกับคู่กรณีที่เหลืออย่างไร ต้องขอสอบถามพูดคุยกับอากู๋ก่อน เพราะตอนนี้ยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น