เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 27 ก.พ. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า จากการหารือของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้พิจารณาไทม์ไลน์ของสภาผู้แทนราษฎร และการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของวุฒิสภา ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน มี.ค. นี้ ขณะเดียวกันก็จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระ 2-3 ทำให้อาจจะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านในสมัยประชุมนี้ที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 9 เม.ย. นี้ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายทั่วไปหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสจะมีน้อยมาก

“ต้องยอมรับว่ารัฐบาลเพิ่งมา ยังไม่ได้ใช้งบประมาณที่ตัวเองเป็นคนจัดทำ และปลายเดือน พ.ค. จะมีงบประมาณปี 2568 คิดว่านั่นคือจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณที่ตัวเองใช้อำนาจเต็มอย่างไรบ้าง และมีเวลา 1 ปี ในการจัดทำงบประมาณปี 2568 หน้าตาจะเป็นอย่างไร ตอนนั้นทุกอย่างค่อนข้างจะชัดเจนมากขึ้น ทั้งการดำเนินนโยบายว่าเป็นไปตามเสียงหรือไม่ เป็นไปตามยุทธศาสตร์หรือวิสัยทัศน์ที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบไว้หรือไม่ รวมถึงการใช้งบประมาณที่จะตามมา การทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ ที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อไป“ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า จะยังไม่มีการเปิดอภิปรายฯ ของฝ่ายค้าน แต่หากมีประเด็นก็พร้อม อาจจะเป็น 1-2 วัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นงานใหญ่ เนื่องจากปัญหาในบางประเด็นสามารถใช้เวทีกระทู้ถามสดได้ ซึ่งหากจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจริงๆ คิดว่าประเด็นการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องตรวจสอบ หากเป็นประเด็นอย่างอื่นเป็นประเด็นการเมือง และใช้โควตาก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นตรงกันเกี่ยวกับการยื่นญัตติอภิปราย หากมีข้อมูลหนักแน่นก็พร้อม แต่หากไม่มีข้อมูลก็รอก่อนได้

“ในส่วนของพรรคก้าวไกล มองว่าหากเปิดแล้วไม่มีคุณภาพ ไม่เปิดดีกว่า เราใช้วาระทั่วไปถามกระทู้สดที่มีอยู่แต่ละสัปดาห์ และจะใช้เมื่อเหมาะสมและมีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จริง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามถึง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่พรรคฝ่ายค้าน ไม่กล้าที่จะอภิปรายแตะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเพิ่งจะตั้งกระทู้ถาม และถามไป 2 รอบแล้ว ไม่ใช่เรื่องพรรคก้าวไกลใจดี หรือโอนอ่อนอะไร ตรวจสอบไปตามหน้าที่ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล แต่ต้องตั้งคำถามเรื่องของระบบ ระเบียบ เป็นธรรมกับทุกคนหรือไม่ หรือจะใช้กับคนไม่กี่คน.