เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการเยือนประเทศอินเดียระหว่างวันที่ 25-28 ก.พ.2567 เพื่อประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (เจซี) ไทย-อินเดีย ครั้งที่ 10 ที่กรุงนิวเดลี ว่า อินเดียมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก จึงเป็นตลาดที่ทุกประเทศให้ความสนใจ สำหรับการประชุมเจซี ไทย-อินเดีย ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเศรษฐกิจ ทั้ง 2 ฝ่ายมุ่งแก้ปัญหาอุปสรรคที่มีผลต่อการค้าระหว่างกัน เพื่อให้สินค้าอินเดียเข้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น ขณะที่สินค้าไทยจะสามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนการเจรจาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดย 20 ปีที่ผ่านมา มีสินค้า 82 รายการที่อยู่ในกรอบเอฟทีเอไทย-อินเดีย ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้นครั้งนี้จึงมีการหารือกับ ดร.สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รมว.ต่างประเทศอินเดีย ว่าจะปรับปรุงแก้ไขได้อย่างไร ซึ่งถ้าสามารถขยายเอฟทีเอระหว่างกันเพิ่มได้ ปริมาณการค้าและการลงทุนก็จะเพิ่มตามไปด้วย

นายปานปรีย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังสนใจที่จะลงทุนในอินเดีย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานแสงอาทิตย์และไฮโดรเจนสีเขียว ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ของไทยนั้น อินเดียมีความสนใจ แต่ขอศึกษารายละเอียดก่อน ซึ่งฝ่ายไทยเสนอว่าโครงการนี้สามารถเชื่อมโยงกับอินเดียทางทะเล และส่งเสริมความร่วมมือ 7 ประเทศในกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล (BIMSTEC) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหากอินเดียให้ความสนใจอย่างจริงจัง ไทยจะส่งผลการศึกษาไปให้อินเดียพิจารณา ขณะที่โครงการเชื่อมถนนไฮเวย์ 3 ฝ่ายนั้น อินเดียแจ้งว่าได้ดำเนินการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานไปมากแล้ว ทั้งถนนสายต่างๆ ขณะที่ไทยแจ้งว่าได้ดำเนินการในฝั่งไทยแล้ว แต่ปัจจุบันยังติดปัญหาเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ทำให้โครงการนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ส่วนการหารือระหว่างตนกับรมว.ต่างประเทศอินเดียนั้น ฝ่ายอินเดียตอบรับการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้นำระดับสูงด้วย ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมจะไปเยือนอย่างเป็นทางการ รวมถึงเราได้เชิญนายกรัฐมนตรีอินเดียไปเยือนไทยด้วย แต่เนื่องจากอินเดียกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งในเดือนพ.ค.นี้ จึงต้องรอให้ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวก่อน จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้หารือกับรมว.ต่างประเทศอินเดียว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่อินเดียจะเปิดฟรีวีซ่าให้แก่คนไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชาวไทยและอินเดียให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ซึ่งฝ่ายไทยประกาศให้ฟรีวีซ่าแก่คนอินเดียแล้ว อย่างไรก็ตาม รมว.ต่างประเทศอินเดียระบุว่าจะรับไว้พิจารณา ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้น.ส.ภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ติดตามเรื่องนี้ต่อไป