เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก International Horticultural Expo หรือมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา พ.ศ. 2572 ซึ่งได้มีการประกาศผลการคัดเลือก ที่มีขึ้นระหว่างการประชุมประจำปี 2567 ของสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ AIPH ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดมาแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2549 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย และมีผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างมาก งานมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา หรือ โคราชเอกซ์โป  ซึ่งมีกำหนดการจะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 10 พ.ย. 2572-28 ก.พ. 2573 ถือว่าเป็นงานมหกรรมระดับโลก ประเภท A 1 โดยจะมีการนำเสนอแนวคิด ธรรมชาติและพันธุ์พืชเขียวขจี อนาคตแห่งโลกสีเขียว Nature and Greenery: Envisioning the Green Future สะท้อนความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพืชสวนและการเกษตรที่ยั่งยืนของไทย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยในครั้งนี้ จะมีความสำคัญมากต่อการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ การพัฒนาด้านเกษตรกรรมและพืชสวน ที่มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ผสมผสานกับภูมิปัญญาเดิม เพื่อมุ่งหน้าสู่ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนด์ด้านการพัฒนาของโลกในยุคปัจจุบัน งานมหกรรมพืชสวนโลกหรือโคราชเอกซ์โป 2029 จะก่อให้เกิดประโยชน์ในทุกมิติด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อประเทศไทย ภาคอีสานและจังหวัดนครราชสีมา คาดว่าจะมีเงินแพร่สะพัด มากกว่าหมื่นล้านบาท และการจ้างงานหลายหมื่นคน รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวอีกด้วยในช่วงที่มีการจัดงาน นอกจากนั้น จะเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นเมืองเกษตรของโลกของประเทศไทย เมืองเกษตรและเมืองอาหารของจังหวัดนครราชสีมา จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจทุกๆ ด้านของโคราชและภาคอีสาน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมา มีความพร้อมในทุกๆ ด้านของการเป็นเจ้าภาพ เป็นเมืองมหาวิทยาลัย เป็นเมืองเกษตรอุตสาหกรรม มีวัตถุดิบด้านการเกษตรมหาศาล มีฐานประชากรประมาณ 2 ล้าน 5 แสนคน โรงแรมที่พักและศูนย์การค้าที่ทันสมัยมีอยู่ครบ สามารถที่จะรองรับผู้มาเยือนตลอดจนนักท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ จากนี้ไปก็ต้องเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพให้ดีที่สุด  ควรจะต้องเร่งรัดงานโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์และรองรับการจัดงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา โครงการรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่จากกรุงเทพฯ มาโคราช การพัฒนาเรื่องโครงการน้ำประปาต่างๆ และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

“ต้องขอขอบคุณส่วนราชการทุกแห่ง ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนชาวโคราช ที่ได้ช่วยกันผลักดันสนับสนุนจนเกิดความสำเร็จในครั้งนี้ ต่อไปเราก็จะต้องร่วมกันเป็นเจ้าภาพให้ดีที่สุดเพื่อชื่อเสียงของประเทศและ จ.นครราชสีมา” นายสุวัจน์ กล่าว