เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายเชตวัน เตือประโคน รองประธานคณะ กมธ.การทหาร คนที่หก นายกฤช ศิลปชัย รองประธานคณะ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คนที่เจ็ด และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นางสุภาภรณ์ รบชนะชัย ตัวแทนประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน จ.เพชรบูรณ์ จากการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย

โดย ทพ.แสงทอง เสวิสิทธิ์ ตัวแทนอาสาสมัครทหารพรานที่ได้รับความเดือดร้อนจากการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติทับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ประชาชนและอาสาสมัครทหารพราน ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ดินใน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ประกอบด้วย 4 ตำบล ได้แก่ ต.เขาค้อ ต.ละเดาะพง ต.ริมสีม่วง และ ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อันมีสาเหตุมาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนที่มีมาก่อนที่จะประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ-วังชมพู เมื่อปี 2529 และป่าเขาโปลกหล่น เมื่อปี 2530 ซึ่งเป็นการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทับที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนจำนวนมาก โดยมิได้กันออกตามระเบียบว่าด้วยการกำหนดเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรงเพราะประชาชนตกอยู่ในสถานะเป็นผู้บุกรุกและถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม จึงขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินของรัฐกับประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและทำกิน โดยขอให้ยุติการบังคับคดีกับผู้ถูกดำเนินคดี และยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 66 ที่ได้ประกาศให้พื้นที่เป็นที่ราชพัสดุ รวมทั้งออกเอกสารสิทธิที่ดินให้กับประชาชน

นายชัยธวัช กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า พรรคก้าวไกลได้ติดตามปัญหาลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยสภาชุดที่แล้ว ปัญหานี้เกิดในพื้นที่ที่เมื่อก่อนเป็นพื้นที่ที่มีการต่อสู้และมีความขัดแย้งกันระหว่างรัฐไทยและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งฝ่ายความมั่นคงมีกลยุทธ์ในการชักชวนให้ประชาชนจำนวนหนึ่ง ทั้งคนไทยทั่วไปและกลุ่มชาติพันธุ์ เข้ามาร่วมกับกองทัพและฝ่ายความมั่นคงเพื่อต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในลักษณะที่เข้ามาร่วมต่อสู้เป็นทหารพรานและให้ความร่วมมือมาเป็นแนวกันชน โดยสัญญากับประชาชนไว้ว่า เมื่อมาแล้วจะจัดสรรที่ดินให้ โดยให้มีเอกสารสิทธิในการตั้งชุมชน เพื่อความมั่นคงหลังจากเสร็จภารกิจการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อสงครามยุติลง ผ่านไประยะเวลาหนึ่งฝ่ายความมั่นคงรวมถึงกองทัพ ซึ่งเคยขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ มาจัดสรรให้กับประชาชน ได้คืนที่ดินให้กับกรมป่าไม้ ขณะที่ประชาชนไม่ได้รับที่ดินที่จัดสรรตามสัญญา และเป็นปัญหามาจนปัจจุบัน จนมีนโยบายสืบเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ระบุให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าต้องมาทำสัญญาเช่าในพื้นที่ราชพัสดุ ทำให้ประชาชนมองว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และตั้งคำถามว่าเหตุใดต้องเช่าที่ดินที่กองทัพเองเคยระบุว่า เป็นที่ดินที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ตนมีความเข้าใจในปัญหาของประชาชน และจะทำงานร่วมกันกับคณะ กมธ.การทหาร และคณะ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด

นายเชตวัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบายของรัฐในเรื่องของความมั่นคง โดยคณะ กมธ.การทหาร จะไปศึกษาในส่วนของพื้นที่พิพาทดังกล่าว การให้สัญญาจากรัฐในการจัดแบ่งพื้นที่เป็นอย่างไร และอาสาสมัครทหารพรานที่เคยร่วมรบเพื่อต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่ในวันนี้สถานการณ์สงบแล้ว แต่คำสัญญาที่รัฐไทยเคยให้ไว้ว่าจะดูแลทหารที่ร่วมรบในครั้งนั้น ก็ยังไม่เกิดขึ้น โดยคณะ กมธ. จะร่วมกับคณะ กมธ.การที่ดินฯ ดำเนินการตรวจสอบต่อไป

นายกฤช กล่าวว่า มีความเข้าใจถึงปัญหาและความเดือดร้อนที่รัฐไทยได้ผิดสัญญา รวมถึงปัญหาสิทธิในที่ดินของพี่น้องประชาชน โดยคณะ กมธ.การที่ดินฯ จะเร่งพิจารณา โดยจะประชุมร่วมกับคณะ กมธ.การทหาร และเชิญทั้งกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของที่ดิน มาร่วมประชุมเพื่อพิจารณา หาข้อเท็จจริง และจะพยายามส่งเรื่องที่คณะ กมธ. ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ไปยังรัฐบาล เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหา ในขณะเดียวกัน ในฐานะ สส. จะใช้กลไกของสภา ในการติดตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่.