เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก ในโครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 ด้วยงบประมาณ 240 ล้านบาท ว่า ในฐานะที่ตนเป็นพยานในคดีนี้ สมัยที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 เห็นว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 103/7 ซึ่งเป็นมาตราที่ว่าด้วยเรื่องการประกาศราคากลางขึ้นเว็บไซต์ เพื่อเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วมประกวดราคา แต่รัฐบาลในสมัยนั้น มีการว่าจ้างเอกชนก่อนประกาศราคากลาง และศาลยังไม่มีคำวินิจฉัยเต็มที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าว 

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า มาตรา 103/7 เป็นกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว ดังนั้น ป.ป.ช. จะต้องแจ้งกับนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อนำไปปฏิบัติกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานของสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องนี้ จะด้วยเหตุใดก็ตาม หาก ป.ป.ช. ทำสำนวนไม่ครบถ้วน หรือยังไม่ได้ระบุความผิดตามมาตรา 103/7 ก็ให้ถือว่าประเด็นนี้เป็นหลักฐานใหม่ หรือให้ ป.ป.ช. ยื่นอุทธรณ์ให้ครบถ้วน อีกทั้ง ในขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมกับยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามรัฐธรรมนูญ และมาตรา 103/8 ด้วย

“มาตรา 103/7 เป็นการตรากฎหมายขึ้นเพื่อให้ ป.ป.ช. และทุกหน่วยงาน ต้องปฏิบัติตามในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งต้องเปิดเผยราคากลางก่อน พร้อมนำข้อมูลขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบว่า เงินภาษีถูกนำไปใช้จ่ายเช่นใด และกำหนดราคากลางถูกต้องหรือไม่ ผมยืนยันว่ามาตรานี้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อน สส. ได้ตรากฎหมายให้ ป.ป.ช. ไปดำเนินการ และผมก็เป็นพยานในการฟ้องของ ป.ป.ช. ด้วย จึงอยากให้ ป.ป.ช. ทบทวนและตั้งหลักยื่นอุทธรณ์ต่อไป ทั้งนี้ เมื่อใดที่คำพิพากษาเต็มเกี่ยวกับคดีนี้ออกมาแล้ว หากพบว่ามีอะไรที่ผิดปกติ ผมจะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป” นายชาญชัย กล่าว