สืบเนื่องจากคดีนี้ ผู้เสียหายได้แจ้งกับพนักงานสอบสวน มีโทรศัพท์โทรฯ มาแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร และให้เปิดบัญชี “เป๋าตุง” เพื่อไม่ต้องมีการเสียภาษี โดยให้กรอกข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ต จากนั้นเงินในบัญชีก็ถูกโอนออกไปจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย จำนวน 2,900,000 บาท นั้น

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ผบช.สอท. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ดำเนินการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับและเร่งรัดจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี

จากการสืบสวนทราบว่า หนึ่งในขบวนการดังกล่าวคือ นางประทุมรัตน์ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ขณะเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ พบนางประทุมรัตน์ อยู่บริเวณหน้าห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในซอยเพชรเกษม 48 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร มีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า นางประทุมรัตน์ ยังมีความเชื่อมโยงกับเคสไอดีอื่น และมีหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 หมาย คือ หมายจับของศาลอาญา ที่ 3236/2566 ลงวันที่ 22 ก.ย. 66 ซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น