เนื่องจากไม่มีความผิด ไม่มีเจตนา ในคดีเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการโรดโชว์ “สร้างอนาคตประเทศไทย ไทยแลนด์ 2020” ต่อเนื่องกับ “พี่ชาย” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้รับการพักโทษ กลับคฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว

ตามจังหวะดีลอำนาจทางการเมืองเปลี่ยนขั้ว ทำให้สองพี่น้องอดีตผู้นำ หลุดพ้นพันธนาการวิบากกรรมยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ ตามคำโบราณที่ว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก อีกไม่นานน้องสาวใกล้ได้กลับประเทศไทยตามพี่ชายแน่ๆ สัญญาณไฟเขียวเปิดชัด เหมาหมดทั้งกระดาน แนวโน้มไม่ยอมเสียอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน เพราะมนต์ขลัง “ยี่ห้อทักทักษิณ” อาจใช้ไม่ได้ เมื่อโดนความแรงของ พรรคก้าวไกล “ทีมเด็กรุ่นใหม่” แซงขึ้นมาเทียบบารมี ทำได้เพียงตีกินแต้มในเชิงบริหารเศรษฐกิจแบบยุคอดีต

ล่าสุดกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม อนุญาต “อดีตนายกฯ” นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกลับบ้านเกิดจังหวัดเชียงใหม่ ไปไหว้บรรพบุรุษ ที่อำเภอสันกำแพง ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยสามารถทำได้เหมือนกับนักโทษทั่วไป หากขอมาตามขั้นตอนถูกต้อง แต่ในมุมทางการเมือง การออกมาเคลื่อนไหวปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งนี้ นัยไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นได้ว่า คือการเริ่มบทบาทนำทางการเมือง กระชับฐานทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่หรือไม่

ดังนั้นจึงทำให้มองได้ว่า เป็นการกอบกู้คืนฐานที่มั่นบ้านเกิดให้กลับมาอีกครั้ง เพราะหากปล่อยไว้นาน อาจจะกอบกู้กลับมาได้ยาก ฝั่งทีมเด็กรุ่นใหม่รุกคืบตีแตกพื้นที่ภาคเหนือมาเรื่อยๆ แม้ “นายกฯ เศรษฐา” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะลงพื้นที่เชียงใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ในจังหวะนี้ก็เช่นกัน เป็นจังหวะเดียวกัน มีคิวที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน โดยนายกฯ เอง ออกมายอมรับว่า “อาจจะมีการพบปะกับอดีตนายกฯ หากมีเวลาตรงกัน”

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน การ “ปิ๊กบ้าน” สันกำแพงของแม่ทัพใหญ่เพื่อไทย ไม่น่าพลาดอีเวนต์ใหญ่ พบปะกับชาวเชียงใหม่และสันกำแพง อย่างน้อยก็ระดับหนึ่ง ตามสไตล์โคตรเซียนการตลาด มีมุกให้เล่นต่อได้อยู่เสมอ แต่อีกด้านหนึ่งมีมวลชนผู้สนับสนุน นักการเมืองมาต้อนรับเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นอีเวนต์ครั้งนี้มองได้ไม่ยากว่า คือการกระชับความสัมพันธ์ทางการเมือง ฐานการสนับสนุน ที่ระยะหลังมีความห่างเหิน จนมีหลายคนแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง บางคนก็ไปมีสังกัดใหม่ กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามเลยก็มี

สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ศูนย์กลางอำนาจบัญชาการจันทร์ส่องหล้า ออกมาเคลื่อนไหวกระตุกภาพ “ผู้ทรงอิทธิพล” ทางการเมืองตัวจริง “เถ้าแก่” ตัวจริงกลับมาบริหารกิจการแบบเต็มไม้เต็มมือ

ไม่ต้องสงสัยในความยิ่งใหญ่ของยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” ตามธรรมชาติของพรรคเพื่อไทย ที่บริหารสไตล์กงสี “บริษัทจำกัด” ทุกอย่างขึ้นตรงกับเจ้าของพรรค ฉะนั้นการเดินทางไปเชียงใหม่ครั้งนี้ จึงน่าจับตามอง เพราะเป็นการหวนกลับมาครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี ในสถานการณ์ใหม่ ที่ต้องลงมาบัญชาการด้วยตัวเอง.