เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่รับฟังปัญหาสถานการณ์ไฟป่าที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ว่า วันนี้ตนจะไปพบปะกับอาสาของมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งได้เชิญทางพรรคก้าวไกลมาล่วงหน้าแล้ว ที่ถือเป็นปีที่ 5 ของมูลนิธิกระจกเงา ในการลงพื้นที่มาแก้ไขปัญหาไฟป่า จึงอยากให้ฝ่ายการเมืองเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งพรรคก้าวไกล ก็ทำกิจกรรม ‘ก้าวไกลดับไฟป่า’ รวมถึงนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้มาลงพื้นที่ที่ จ.เชียงใหม่ ด้วยตนเองแล้ว และทางประธานคณะกรรมาธิการที่ดินและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ส่งตัวแทนมาลงพื้นที่ด้วย โดยเช้าวันนี้ค่าฝุ่น US AQI ที่สนามบินเชียงใหม่อยู่ที่ 215 ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลก เป็นวันที่สองติดต่อกันแล้ว รองลงมาเป็นกรุงนิวเดลีและกรุงปักกิ่ง และหากดูจากดาวเทียมของ Gisda ก็จะเห็นจุดความร้อนมากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง จากเดิมประมาณ 300 จุด แต่ในปีนี้มีกว่า 2,000 จุด มากขึ้นถึง 8 เท่า ถือเป็นการลงพื้นที่เพื่อให้เข้าใจหน้างานในช่วงนี้ ประกอบกับมูลนิธิกระจกเงา ก็อยู่ในพื้นที่ เพื่อมาดูพฤติกรรมไฟ การทำอย่างไรให้ทีมงานเข้าถึงไฟก่อนที่จะลุกลาม ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ในการเข้าดับไฟไม่ได้ง่าย

ส่วนการจัดการของภาครัฐในการจัดการแก้ปัญหาไฟป่านั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า เพราะไฟป่าจะเกิดตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. จนถึงช่วงฤดูฝน เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นช่วงฝุ่น จะมีสถานการณ์ไฟไหม้มาตลอด ดังนั้นควรเริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. ในการจัดทำสถานีน้ำ โดยไม่ต้องใช้กำลังคนแบกน้ำขึ้นไป ก็จะสามารถถ่ายน้ำได้เลย เมื่อย้อนหลังไป 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการไหม้ซ้ำซาก ก็สามารถเตรียมการได้ทันจากกระบวนการข้างต้น แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ต่อเนื่องแล้วไม่มีการเตรียมตัว ก็จำเป็นต้องระดมคนขึ้นไปดับไฟ

จากนั้นนายพิธา ถามผู้สื่อข่าวกลับว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศให้ จ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้วหรือไม่ เพราะช่วงนี้ของปีที่แล้วก็ไม่ยอมประกาศ เพราะกังวลเรื่องการท่องเที่ยว แต่พอมาปีนี้ สถานการณ์แย่แล้วยังไม่ประกาศ ทำให้ไม่สามารถใช้งบประมาณกลางได้ ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในประกาศ ให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ทำงานร่วมกับท้องถิ่นได้แล้ว จึงอยากทราบว่าตอนนี้ทำได้จริงหรือไม่ ดังนั้นหากยังเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ ก็ยังคงต้องใช้วิธีระดมพลเข้าไปเพื่อดับไฟให้เร็วที่สุด รวมถึงกำลังคน เครื่องมือในการแยกเชื้อเพลิง เชื่อว่าจะสามารถทุเลาได้ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาได้ทันหรือไม่ เพราะต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก.