เมื่อวันที่ 14 เม.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบนครบาล จับกุม นายสมภพ ขันเพ็ชร์ หรืออาร์ม อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.268/2566 ลงวันที่ 11 ก.ค. 66 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร” โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 454 หมู่บ้านคีรีรัฐยา ต.ธงชัย อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เมื่อวานนี้ (13 เม.ย.) เวลาประมาณ 17.00 น.

สืบเนื่องจากวันสงกรานต์ปี 66 ช่วงกลางดึก น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี โทรศัพท์หาแม่ด้วยเสียงสั่นเครือว่า “มันจะปล้ำหนู” ก่อนโทรศัพท์จะถูกตัดไป จากนั้นแม่ผู้เสียหายจึงตัดสินใจรีบไปดูลูกสาวที่หอพัก เมื่อไปถึงบริเวณหน้าหอพัก ปรากฏว่าได้ยินเสียงลูกสาวตะโกน ว่า “ออกไป…ช่วยหนูด้วย” แม่ผู้เสียหายจึงเปิดประตูเข้าไป พบว่าคนร้ายใช้อวัยวะเพศกระแทกประตูห้องน้ำที่ลูกสาวของตนหลบซ่อนอยู่ด้านใน โดยคนร้ายคือนายอาร์ม ผู้ต้องหา กำลังครางเสียงชื่อลูกสาวเธออย่างโรคจิต จึงผลักนายอาร์มออก และเปิดประตูห้องน้ำไป พบลูกสาวนั่งขดตัวซุกซ่อนอยู่ข้างชักโครก เนื้อตัวสั่นเทา น้ำตานองบนใบหน้า โดยนายอาร์มอาศัยจังหวะนี้ วิ่งหลบหนีออกจากห้องพัก

จากการเค้นถาม น.ส.บี (นามสมมุติ) ผู้เสียหายเล่าให้แม่ฟังว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 66 ขณะ น.ส.บี อาศัยอยู่บ้านญาติที่หอพักย่านหนองแขม กทม. เพื่อไปเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ แต่ปรากฏว่าในคืนนั้นเอง นายอาร์มผู้ต้องหา ซึ่ง น.ส.บี นับถือและสนิทสนมราวเหมือนกับลุง อีกทั้งเป็นเพื่อนรักของพ่อ น.ส.บี ได้ส่งข้อความทางเฟซบุ๊ก มาชักชวนจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์ “อยากไปเล่นน้ำกับลุงไหม เดี๋ยวลุงไปรับ” ด้วยความเชื่อและไว้วางใจโดยสนิท น.ส.บี จึงหลงกลยอมให้ นายอาร์มมารับ จากนั้นเมื่อขับรถออกไป แทนที่จะมุ่งหน้าไปบริเวณที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ แต่นายอาร์ม กลับวนรถพา น.ส.บี ไปถึงที่หน้าบ้านย่านบางบอน อ้างว่า “ลุงขอกินเบียร์สักพักแล้วลุงจะพาไปเล่นน้ำ” นายอาร์ม เริ่มมอมเหล้า น.ส.บี จนเมาไม่รู้สึกตัว และอุ้ม น.ส.บี ขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน ลงมือข่มขืน น.ส.บี จนสลบไป ก่อนแม่ น.ส.บี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีกับนายอาร์ม จนศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับเดนคุกรายนี้

ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทีมชุดสืบสวนพิเศษของสืบนครบาล ลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามตัว แต่ผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ช่ำชองวิธีการหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป็นอย่างดี จึงสามารถหลบหนีการติดตามของชุดสืบสวนได้ทุกครั้งไป จนกระทั่งวานนี้ (13 เม.ย.) พล.ต.ต.ธีรเดช สืบทราบว่าคนร้ายไปกบดานอยู่ในบ้านพักในตัวเมืองเพชรบุรี จึงนำกำลังบุกไปที่บ้านหลังดังกล่าว หลังผู้ต้องหากลับมาจากเล่นน้ำสงกรานต์ โดยเมื่อชุดสืบสวนไปถึง คนร้ายยังไม่ยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ กระทั่งเจ้าหน้าที่ทำการทุบกระจกประตู คนร้ายได้แง้มผ้าม่านมาดู ก็รู้ชะตากรรมว่าหากไม่เปิดต้องถูกพังประตูแน่นอน จึงให้แฟนสาวเดินมาเปิดประตูแต่โดยดี และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้

จากการตรวจสอบประวัติ พบเคยต้องโทษ 3 คดี ปี 47 พื้นที่ สน.บางขุนเทียน ถูกจับกุมในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดฯ” ของกลาง 190 เม็ด ปี 49 พื้นที่ สน.ท่าข้าม จับกุมในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดฯ” ของกลาง 120 เม็ด และปี 56 พื้นที่ สน.สุทธิสาร ถูกจับกุมในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยขณะนั้น ถูกจับกุมพร้อมพวกชาวไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นขบวนการขนยาข้ามชาติผ่านชายแดนมาเลย์ ตรวจยึดของกลางเป็นยาเค 3 กิโลกรัม, ยาอี 400 เม็ด

สอบสวนนายอาร์ม ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า วันเกิดเหตุได้ไปรับน้องผู้เสียหายมา เพื่อจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์จริง แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้น ตนได้ดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าบ้านพักกับญาติ จึงได้พาน้องไปที่บ้านเพื่อจะดื่มเหล้าต่อ และได้พากันดื่มกินกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่าน้องผู้เสียหายดื่มจนเมาไม่ได้สติแล้ว จึงบอกให้ขึ้นไปนอนก่อน ที่ห้องพักของตน เมื่อน้องผู้เสียหายได้ขึ้นไปนอนด้านบนห้องชั้น 2 แล้ว ยอมรับว่าตนได้เข้าไปนอนในห้องเดียวกันและนอนด้วยกันจริง แต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากดื่มสุราและเสพยาเค จนเมาไม่ได้สติ และที่มากบดานอยู่ใน จ.เพชรบุรี เพราะรู้ตัวว่ามีหมายจับ จึงหนีมากบดานโดยใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ออกไปไหน กินอาหารจากร้านสะดวกซื้อ อยู่แต่ในบ้าน โดยเหตุการณ์จับกุมในวันนี้ ตนแง้มหน้าต่างมาเห็นว่าเป็นชุดของสารวัตรแจ๊ะ ก็รู้ว่าถ้าแอบต่อไปยังไงเจ้าหน้าที่ก็พังประตูเข้ามาแน่ๆ เพราะติดตามเพจสืบนครบาลอยู่ตลอด จึงยอมให้แฟนสาวไปเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่แต่โดยดี เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยง ทำให้ศาลอนุมัติหมายจับจากพฤติการณ์ในคดีนี้ นับได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจและสะเทือนใจ ผู้ต้องหารายนี้ใช้ความสนิทสนมกับผู้ปกครองของเหยื่อ ออกกลอุบายหลอกล่อ ใช้เทศกาลสงกรานต์เป็นข้ออ้างให้หลงเชื่อโดยสนิทใจ ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหาย มีกำลังใจที่เข้มแข็ง ผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต ในวันข้างหน้าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.