จากกรณี “หน่อง ท่าผา” คนร้ายยิงตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ย. รายการ “โหนกระแส” ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ได้สัมภาษณ์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า “ประชาชนจะมีที่พึ่งได้ยังไง ผมว่าแย่นะ สิ่งที่เห็นถ้าเป็นสมัยก่อนผมไม่เอาไว้ก่อน วิธีการอย่างไรก็แล้วแต่ ผมถือว่าอุกอาจ มันย่ำศักดิ์ศรีกันเกินไป และที่สำคัญที่สุดคนเราเนี่ย องค์กรหรืออะไรต่างๆ แล้วยังทำกับตำรวจน้ำดี ผมไม่เอาไว้หรอก” ถ้าผมเป็น ผบ.ตร. หรือผู้บังคับบัญชาตำรวจทั้ง 21 คน นอกจากลงโทษให้หนัก ถ้าออกจากราชการได้ต้องออก ตำรวจกับปืนมันขาดกันไม่ได้หรอก ต่อให้บอกว่าไปกินเลี้ยงกันบ่อยๆ ก็เลยไม่พก ยังไงก็ไม่เชื่อ ตำรวจไม่มีปืนไม่ได้หรอก

“ก่อนเกิดเหตุมีผู้กำกับ 3 คน สามารถประเมินสถานการณ์ได้เลยว่ามันรุนแรงขนาดไหน แต่คุณเป็นผู้กำกับแต่ประเมินสถานการณ์ไม่ได้ ก็แย่แล้ว คุณจะไปประเมินสถานการณ์อย่างอื่นได้ยังไง มีปากเสียงกันขนาดนั้น เกิดเหตุอะไรต้องหาการป้องกันขนาดนั้น แต่คุณไม่ได้ทำเลย”

ต่างจังหวัดนิยมงานเลี้ยงแบบนี้มากนะ ก็อยากจะแสดงบารมี อิทธิพล ตบหัวตำรวจได้ ก็แสดงอิทธิพลให้ชาวบ้านเห็น และตำรวจเดี๋ยวนี้ก็เข้าไปหาผู้มีอิทธิพล เพราะผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ก็เป็นมือไม้ให้กับนักการเมืองที่ใหญ่ขึ้นไปอีก บางคนมีอิทธิพลมากกว่า สส. อีก ก็เข้าไปหาเพื่อจะได้ตำแหน่งได้ผลประโยชน์ “สิ่งที่เขากล้าข่มเหงเพราะว่าไปรับเงินเขานี่แหละ ผมรู้เลยว่าน้องคนที่ตายเนี่ย คือคนที่ไม่รับเงิน ไม่รับผลประโยชน์ เรื่องที่มีเหตุไม่ใช่เรื่องขอตำแหน่งอย่างเดียว แต่เขาไม่รับผลประโยชน์ เรื่องอื่นแฝงไปด้วย”

ต้องบอกว่าผู้กำกับจะดูพื้นที่หลายพื้นที่ แต่กำนันดูแลแค่ตำบลเดียวก็เทียบชั้นไม่ได้ เวลาทำงานก็ให้เกียรติกัน แต่บางครั้งกำนันจะใหญ่กว่า เพราะบางคนมีอิทธิพล บางคนเป็นลูกน้องนักการเมือง บางคนมีเงิน อย่างคดีนี้ก็มีเงิน เท่าที่รู้มามีอิทธิพลมาก นักการเมืองท้องถิ่นยังอาศัยมัน มันก็เลยมีอิทธิพลมาก ตำรวจอะไรก็เข้าไปหา..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @โหนกระแส