เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยพะเยา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการปฏิบัติราชการของ ครม. ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย น่าน พะเยา แพร่) โดยได้เห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด รวม 9 โครงการ กรอบวงเงิน 155 ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการของโครงการตามข้อเสนอของภาคเอกชนจำนวน 4 โครงการ กรอบวงเงิน 145 ล้านบาท โดยในที่ประชุม มีข้อหารือให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งจัดทำสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัด และศึกษาการประกาศให้จังหวัดพะเยา เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และให้กระทรวงคมนาคม ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินพะเยา โดยต้องพยายามตั้งสำนักงานท่องเที่ยวประจำจังหวัดพะเยา ให้ได้ภายในไตรมาส 4 

นายกฯ กล่าวต่อว่า รวมทั้งสั่งการให้กรมทางหลวง เร่งประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำเรื่องขอผ่อนผันมติ ครม. ที่เกี่ยวกับกับการขยายเส้นทางจราจรบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก จ.พะเยา และการใช้ประโยชน์ในพื้นทื่คุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1A เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างประเทศไทย-ลาว ที่ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อวัวเป็นหลักแสนตัว

นายกฯ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้เพาะปลูกลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานต่างๆ บูรณาการผลิตลำไยตั้งแต่ต้น กลาง ปลายน้ำ เพื่อให้ปริมาณการผลิตสมดุลกับความต้องการตลาด ผลผลิตมีคุณภาพสูง มีการแปรรูปหลากหลาย ซึ่งจะทำให้ราคาลำไยมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดภาวะล้นตลาด นอกจากนี้ ตนสั่งการให้กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยและกลุ่มประเทศแอฟริกา ที่มีการเติมโตของความนิยมสูง เช่น ไนจีเรีย ซิมบับเว ซึ่งเป็นประเทศมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง และมีแหล่งพลังงานด้วย

นายกฯ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม จากการที่ตนไปตรวจเยี่ยมศูนย์การเรียนรู้ทีเค พาร์ค ซึ่งสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างอาชีพให้เยาชนได้ มีการบ่มเพาะองค์ความรู้ ตนขอสั่งการให้สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์กรมหาชน) และ กระทรวงมหาดไทย เร่งแก้กฎ เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนต่อไป.