สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ว่า นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำสูงสุดทางการเมืองของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า อิสราเอลยังคงเป็นฝ่ายเดินหน้าสร้างความวุ่นวาย และไม่หยุดสร้างความรุนแรง “เพื่อบ่อนทำลาย” การเจรจาสันติภาพที่กำลังเกิดขึ้น ในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์


ขณะเดียวกัน การที่กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการทางทหารที่โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดของฉนวนกาซา เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ยิ่งเป็นการตอกย้ำ ว่าอิสราเอลต้องการทำลายความพยายาม การฟื้นฟูการใช้ชีวิตของประชาชนในฉนวนกาซา และองค์ประกอบที่จำเป็นกับการดำรงชีวิตของมนุษย์

รถถังของอิสราเอล ปฏิบัติการในฉนวนกาซา


อีกด้านหนึ่ง นายโฟลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์ราว 300,000 คน ในภาคเหนือของฉนวนกาซา เสี่ยงเผชิญกับภาวะอดอยาก ภายในเดือน พ.ค. นี้ หากยังไม่มีการเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้มากกว่าที่เป็นอยู่


นอกจากนี้ เติร์กกล่าวว่า การที่อิสราเอลยังคงปิดกั้นความพยายามของหลายฝ่าย ในการลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา และการยังคงปฏิบัติการจู่โจมโรงพยาบาล ที่อิสราเอลเชื่อว่า เป็นฐานบัญชาการและแหล่งซ่องสุมของกลุ่มฮามาส คือการใช้ภาวะอดอยาก “เป็นเครื่องมือทำสงคราม”


ยิ่งไปกว่านั้น อิสราเอลยังคงยืนยัน การเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากนานาประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐ ที่เรียกร้องว่า อิสราเอลต้องมีแผนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ “ให้ชัดเจนกว่านี้”


อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ย้ำว่า เป้าหมายสงครามของอิสราเอล ที่จะเป็นการกวาดล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก ไม่มีทางสำเร็จได้เลย หากไม่มีการใช้ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน ในเมืองราฟาห์.

เครดิตภาพ : AFP