สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. นายโธมัส แอนดรูว์ส ผู้นำเสนอรายงานพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ด้านกิจการเมียนมา นำเสนอรายงานฉบับล่าสุดต่อยูเอ็น ว่ารัฐบาลทหารเมียนมากำลังเผชิญกับ “ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่” ไม่ว่าจะเป็นจากความสูญเสียมหาศาลที่เกิดขึ้นกับกำลังพล การแปรพักตร์ การยอมจำนน และความท้าทายที่เกิดขึ้นกับระบบเกณฑ์ทหาร ส่งผลให้จำนวนหารเมียนมาลดลงอย่างรวดเร็ว


ขณะเดียวกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กองทัพเมียนมายังคงเผชิญกับอุปสรรค ในการต่อสู้กับความพยายามรุกคืบของกองกำลังชาติพันธุ์ และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (พีดีเอฟ) ในหลายพื้นที่ ยิ่งบ่งชี้ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาคือตัวการสำคัญ ที่ทำให้ประเทศแห่งนี้ต้องเผชิญกับความรุนแรง ความไร้เสถียรภาพ ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และบ้านเมืองต้องเผขิญกับสภาพไร้ขื่อแป


ทั้งนี้ แอนดรูว์สกล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตร และการยกระดับกดดันทางเศรษฐกิจ ตลอดจนที่เกี่ยวข้องกับการทหาร สามารถเพิ่มความยากลำบากให้แก่กองทัพเมียนมาได้อย่างมาก โดยรายงานฉบับนี้ ยกตัวอย่างสิงคโปร์ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าอาวุธรายสำคัญของเมียนมา ปรากฏว่า ยอดขายลดลง 83% เมื่อปีที่แล้ว


อย่างไรก็ตาม การค้าขายอาวุธระหว่างเมียนมากับรัสเซีย และจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ ยังคงดำเนินอยู่ ดังนั้น แอนดรูว์สจึงเรียกร้องประชาคมโลก ต้องเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลทหารเมียนมา และทุกโครงข่ายที่เกี่ยวข้องให้มากกว่านี้.

เครดิตภาพ : AFP