นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) หรือ BAM เปิดเผยว่า BAM อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรที่มีทั้งธนาคารพาณิชย์และแบงก์รัฐรวมอยู่ 2-4 ราย เพื่อเลือกผู้ที่มีความเหมาะสม ร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนบริหารสินทรัพย์ หรือเจวีเอเอ็มซี (JVAMC) คาดว่าจะคัดเลือกและเสนอต่อคณะกรรมการฯ BAM ได้ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ ก่อนจะจัดตั้งและยื่นขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายในปีนี้ โดยประเดิมทุนรับซื้อหนี้รอบแรก 500-1,000 ล้านบาท และจะทยอยเพิ่มเติมในรอบถัดๆ ไป ภายใน 15 ปี

“ประชุมบอร์ดครั้งแรก เพื่อเคาะจัดตั้งเจวีเอเอ็มซี ช่วงต้น เม.ย. ถ้ายังไม่ตกผลึก อาจมีปลาย เม.ย. นัดพิเศษ และต้น พ.ค. อีกครั้ง จะเห็นภาพชัดว่าจะเกิดดีลกับใคร มี 2-4 รายที่เจรจาอยู่ แต่มีข้อจำกัดเยอะ แต่ต้องดูความพร้อม ทั้งคน เงิน ราคาซื้อ และรูปแบบธุรกิจ ว่ามีโอกาสทางธุรกิจใครพร้อมก็ทำได้ก่อน ทันทีที่คณะกรรมการอนุมัติจะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ให้ทราบในทันที”

นายบัณฑิต กล่าวว่า การร่วมจัดตั้งเจวีเอเอ็มซี เป้าหมายคือช่วยคนตัวเล็กให้มีที่ยืน และสามารถใช้ชีวิตสมกับความเป็นมนุษย์ ไม่ต้องหลบเจ้าหนี้ ไม่ต้องหนีหนี้ แต่อย่าลืมว่าต้องมีวินัยการเงิน การบริหารจัดการเงินไม่ง่ายแต่ต้องยืดหยุ่นมากขึ้น ยึดตามหลักเกณฑ์สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อรับซื้อหนี้มาก็ต้องบริหาร และประนอมหนี้กับลูกหนี้ว่างจ่ายหนี้ไหวที่เท่าไร เช่น เหลือ 4,000 บาท หักค่ากินค่าเทอมลูก ดูความสามารถชำระหนี้มีเท่าไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำๆ เพื่อให้หนี้ครัวเรือนลดลง เป็นความต้องการของ ธปท. กระทรวงการคลัง BAM และพันธมิตรที่มองเห็นร่วมกัน

นายณสุ จันทร์สม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM กล่าวว่า หลังจาก ธปท. ประกาศหลักเกณฑ์จัดตั้งเจวีเอเอ็มซีเมื่อปี 65 ได้มีกลุ่มธนาคารอย่างธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จัดตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ เจเค โดยมีทุนร่วมกันแห่งละ 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับรู้รายได้ไปแล้ว และมีทิศทางที่ดี โดยมองเห็นถึงประโญชน์ของการร่วมลงทุนทั้งลดหนี้ของธนาคาร และมีโอกาสรับรายได้จากการบริหารหนี้จากการเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกัน 50%

“BAM มีความสามารถในการเก็บหนี้ สร้างผลตอบแทน และอยากช่วยลูกหนี้ เชื่อว่ารัฐบาลมองถึงปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้องช่วยกันลดลงมา ช่วยครัวเรือน ช่วยเศรษฐกิจไทย โดย BAM ได้ศึกษามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และตอนนี้ ธปท. ได้ปลดล็อกข้อจำกัดเกณฑ์ต่างๆ ซึ่ง บสก. พยายามดูหลายด้าน ดูหลายโครงการ พยายามหาผลตอบแทนที่ดีที่สุด ต้องพิจารณาถึงผู้ถือหุ้น ลูกค้าและโอกาสการลงทุนที่เหมาะสม ต้องใช้มุมมองอย่างละเอียด และต้องจัดตั้งให้ได้ภายในปีนี้ เชื่อว่าหลายที่กำลังคุย ต้องดูราคาซื้อหนี้ วิธีจัดการ อำนาจในการบริหาร และรายละเอียดต่างๆ”