เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมายื่นฟ้องผู้มีคำสั่งแต่งตั้ง และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีเว็บพนัน BNk Master ของ สน.เตาปูน รวม 30 นาย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

นายวราชันย์ กล่าวว่า ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยืนยันด้วยการแถลงข่าวไปแล้วว่า การดำเนินของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุด สน.เตาปูน ไม่มีอำนาจในการดำเนินการสืบสวนสอบสวน และหลังแถลงก็ทราบว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. แถลงว่า คดีที่อยู่ในกลุ่มเว็บพนันที่กล่าวหาเกี่ยวพันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานในการกระทำความผิดที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. จะรวบรวมสำนวนส่งไปยัง ป.ป.ช. แต่ภายหลังการให้ข่าวของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ยังดำเนินการออกหมาย และเท่าที่ตนทราบที่เป็นข่าวมีการออกหมายเรียก แต่ไม่ได้มีการรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่ง ป.ป.ช. ทางทีมทนายความจึงเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทบสิทธิกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะทีมทนายความเคยแถลงไว้แล้วว่า คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไม่มีอำนาจ ทีมทนายความจึงมาฟ้องร้อง กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดนี้ทั้งหมดในความผิด ม.157

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนยืนยันว่าเป็นคนละสำนวนคดีกันนั้น ทนายวราชันย์ บอกว่า เข้าใจว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคณะนี้ ได้ดำเนินการโดยหยิบยกเอาแค่ประเด็นบางส่วนในคดีที่เกี่ยวพันกับคดีมินนี่ ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งของ บช.น. ชุดนี้ ก็ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงอย่างดีอยู่แล้วว่ารายละเอียดของคดีมินนี่มีรายละเอียดอย่างไร เพราะส่วนใหญ่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดนี้ ก็เป็นชุดเดียวกับที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีมินนี่เกือบทั้งหมด

ส่วนการยื่นฟ้องร้องในวันนี้จะมีผลทันอย่างไรหรือไม่กับการจะครบกำหนดออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในวันที่ 26 มี.ค. ทนายวราชันย์ ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้กังวล เพราะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และพนักงานสอบสวนทราบเป็นอย่างดีว่า การออกหมาย ที่จะเป็นเหตุให้สามารถออกหมายจับได้ ต้องเป็นการออกหมาย และมีการส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่พนักงานสอบสวนทราบเป็นอย่างดีว่า ยังไม่มีการส่งหมายได้ และยังไม่มีการนับ 1 ตาม ป.วิอาญา ดังนั้น ที่ปล่อยข่าวออกมาว่าส่งหมายเรียกครั้งที่ 2 แล้ว และจะครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มาตามหมายเรียกแล้วจะออกหมายจับนั้น ทีมทนายความ ขอยืนยันว่า ส่วนนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายอย่างแน่นอน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันพรุ่งนี้จะส่งทีมทนายความไปที่ บก.น.2 เมื่อครบกำหนดหมายเรียกครั้งที่ 2 หรือไม่นั้น นายวราชันย์ บอกว่า อย่างที่ยืนยันไปว่า การออกหมายเรียกหรือมีข่าวการออกหมายต่างๆมานั้น แต่ทางทนายความยังไม่ทราบว่าเป็นหมายอะไร ส่วนนี้กระบวนการส่งก็ยังไม่ถูกต้องครบถ้วนตาม ป.วิอาญา ก็เท่ากับยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่งตามกฎหมาย

ส่วนกรณีถ้านำไปสู่การขอหมายจับจริงๆ จะมีการรับมืออย่างไรบ้างนั้น ทนายวราชันย์ มองว่า ยังไงอำนาจการพิจารณาออกหมายจับคือศาล ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาดูก่อนว่า ถ้าจะมีการอ้างว่าการออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วไม่มา แล้วการส่งหมายชอบหรือไม่ ส่งได้หรือไม่ตาม ป.วิอาญา ม.55 ซึ่งหากเป็นการส่งหมายโดยไม่ชอบ เชื่อว่ายังไงศาลก็ไม่พิจารณาออกหมายจับอย่างแน่นอน และการออกหมายใดๆ ก็แล้วแต่ เป็นการออกโดยไม่ชอบ แล้วยังไปฝืนขอออกหมายจับ ส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวนก็อาจจะตกที่นั่งลำบากได้

นายวราชันย์ บอกอีกว่า กรณีที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดสงขลา ไปแจ้งความร้องทุกข์กับ สน.เตาปูน ม.157 และ ม.149 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน และหลังมีการแจ้งความวันที่ 23 มี.ค. พ.ต.ท.คริษฐ์ ทราบ ก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อจะไปยืนยันว่ายังมีตัวตน เพื่อให้พนักงานสอบสวนรับตัวไว้ แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นก็ต้องพิจารณาด้วยว่า หากผู้ต้องหามาปรากฏตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น จะเป็นการเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ทีมทนายความจึงตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุใดที่พนักงานสอบสวนไม่ควบคุมตัวผู้ต้องหา หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ อาจจะเป็นเพราะหากรับตัวไว้ สำนวนจะเข้าสู่กระบวนการการที่ต้องส่งไป ป.ป.ช. ทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งทีมทนายความจะต้องขอดูข้อมูลอีกครั้ง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หากกระทบสิทธิของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตนมองว่า การจะส่งสำนวนไป ป.ป.ช. กฎหมายได้ระบุไว้ว่า ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเท่าที่จะทำได้ และส่งให้ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ร้องทุกข์กล่าวโทษ