เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะสมาชิกรัฐสภา กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมยุวสหภาพรัฐสภา ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าการดำเนินนโยบายของไทย สู่เป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และเป็นไปตามร่างข้อมติเรื่องความร่วมมือเพื่อการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ และการส่งเสริมการเข้าถึงพลังงานสีเขียวในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการผสมผสานและเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด และการสนับสนุนไปสู่การเปลี่ยนผ่านสีเขียวเพื่อรองรับ การดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในเรื่องนี้ Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG ให้สอดรับกับสถานการณ์ของประเทศและความต้องการใช้พลังงานทุกระดับ โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาประเทศควบคู่ไปกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ได้มีแนวทางในด้านการบริหารจัดการกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ ผ่านการดำเนินการโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และทุกภาคส่วน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการลดก๊าซเรือนกระจก  

นายอัคร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยให้ความสำคัญกับปฏิญญาของการประชุมประเทศภาคีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (UN Climate Change Conference) หรือ COP และเพิ่มความเข้มข้น และแสวงหาความร่วมมือในระดับพหุภาคี ที่จะนำไปสู่การจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยมุ่งเน้นภารกิจที่ชัดเจนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้มีการตั้ง “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ และมุ่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและองค์กรระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังใช้กลไกทางรัฐสภา โดยสมาชิกรัฐสภาผู้แทนราษฎร มีบทบาทสำคัญในการผลักดันกฎหมาย รวมถึงประสานงานกับฝ่ายบริหารเพื่อจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อและมีการจัดสรรทรัพยากรให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ

นายอัคร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การดำเนินการของรัฐสภา ทุกฝ่ายได้ให้ความสำคัญในการแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างกว้างขวาง เพื่อที่จะออกกฎหมายและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็นไปตามข้อตกลงปารีส และเป้าหมายลดการเพิ่มอุณหภูมิของโลก เราหวังว่ารัฐสภาไทย จะประสบความสำเร็จในการออกกฎหมายนี้ จะนำไปสู่สิทธิขั้นพื้นฐานของอากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชนทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน

นายอัคร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในการผลักดันของสมาชิกรัฐสภารุ่นเยาว์ ปัญหาที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องเปิดกว้างในการรับความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของเยาวชนอย่างสร้างสรรค์ เพราะในโลกใบนี้ เยาวชนจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศในอนาคต เพื่อให้เยาวชนเป็นหัวใจสำคัญของทุกสภาพอากาศ นโยบายและเสียงของคนรุ่นอนาคตไม่ควรละเลย กระบวนการตัดสินใจด้านสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา

“ความคืบหน้าอีกประการหนึ่งที่เราอยากแบ่งปันก็คือ สภาผู้แทนราษฎรของไทย มีมติเป็นเอกฉันท์ยอมรับในหลักการ “ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด” ในเดือนมกราคมปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขมลพิษทางอากาศด้วยแนวทางที่ยั่งยืนและระยะยาว เราหวังว่ารัฐสภาไทยจะประสบความสำเร็จในการออกกฎหมายนี้ เราภูมิใจในสิทธิขั้นพื้นฐานในการสูดอากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชนทุกกลุ่มและยุคสมัย” นายอัคร กล่าว.