กรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก “Punchalit Jotikasthira” โพสต์ลงในกลุ่ม “ชมรมนักโบราณคดี (สมัครเล่น) เมืองสุพรรณ” เพื่อช่วยกันตามหาพระพุทธรูปที่ถูกขโมยไปจากวัดประตูสาร ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยระบุว่า ฝากช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยครับ พระพุทธยืนทรงเครื่องปางห้ามญาติ ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ขนาดสูง 140-150 ซม. (รวมฐาน) และพระพุทธรูปขนาดย่อมอีกจำนวนหนึ่ง ได้ถูกโจรกรรมไปจากวิหารวัดประตูสาร ถ้าท่านใดพบเห็นหรือทราบเบาะแสการโจรกรรม ช่วยแจ้งวัดประตูสารหรือสำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณฯ โดยเร็ว เพื่อเป็นการสกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย และช่วยติดตามทวงคืนสมบัติชิ้นสำคัญให้กับทางวัดและชุมชนเบื้องต้นพบว่าของล้ำค่าที่ถูกขโมยไปประกอบด้วย พระพุทธรูปทรงเครื่องอยุธยา ตู้พระธรรม พระพุทธรูปไม้แกะประมาณ 6-7 องค์ ภาพจิตรกรรมเขียนสีฝุ่นพุทธประวัติ สมัย ร.5 ประเมินค่ามิได้ จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดของเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี พบว่าคนร้ายประมาณ 3-4 คน ใช้รถกระบะสีเทาดำ ขับเข้ามาในวัดตั้งแต่เวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 10 มี.ค. จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 11 มี.ค. คนร้ายได้ทำการงัดประตูวิหารและเข้าไปโจรกรรมพระพุทธรูปและของล้ำค่าไปหลายชิ้น หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กดดันอย่างหนัก แบบกัดไม่ปล่อย จนได้ของกลางคืนกลับวัดกว่า 30 รายการตามที่เดลินิวส์ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 มี.ค. พ.ต.อ.พีระพจน์ ระหว่างบ้าน ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่ พ.ต.อ.พีระ อัศวพิบูลย์ผล ผกก.สืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.ท.พีระพงษ์ จบศรี รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี และทีมสืบสวนออกตามล่ากดดันจนได้ของกลางคืนสู่วัดประตูสารทั้งหมด และสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายเป็นใคร จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับ จำนวน 3 ราย และจับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 17.30 น. พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.เฉลิมวุฒิ วงษ์เวียงจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เดินทางมาสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายไก่ น.ส.กุ้ง และ น.ส.กบ นามสมมุติ ชาว จ.สิงห์บุรี โดยมี ดร.เอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ นายกเทศมนตรีเมืองสุพรรณบุรี และ ดร.ศิริพร อินทร์ใจเอื้อ รองนายกฯ นำกระเช้ามาขอคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารรถจับกุมคนร้ายได้

พล.ต.ต.วัชรินทร์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแม้จะได้ขอกลางคืนมาก่อนหน้านี้ แต่เราเกาะติดตลอดและมีการกดดันจนคนร้ายนำพระพุทธรูปมาวางคืนไว้ และมีการสืบสวนกดดันต่อเนื่อง ตลอดจนได้ของกลางที่เหลือ จนนำมาสู่การจับกุมในวันนี้ได้ทั้งหมด จากการสอบลสวนผู้ต้องหาโดยเฉพาะนายไก่ ติดยาเสพติด มีประวัติก่อเหตุเกี่ยวกับการโจรกรรมพระตามวัดต่างๆ และมีคดีถูกจับกุมในเขตพื้นที่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เกี่ยวกับโจรกรรมพระ และศาลจ.ลพบุรี ตัดสินจำคุก ซึ่งอยู่ระหว่างประกันตัว และยังเคยถูกจับกุมในคดี พรบ.อาวุธปืน และยาเสพติด ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี

และก่อนที่จะเข้ามาลักพระในวัดประตูสาร ได้หาข้อมูลทางสื่อออนไลน์ต่างๆ และเห็นว่าเป็นพระเก่าแก่ จึงวางแผนและเข้ามาโจรกรรมในวัดเขตพื้นที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี โดยให้เหตุผลจะเอาพระไปจำหน่าย แต่ถูกกดดันอย่างหนัก จึงจำหน่ายได้ลำบาก สุดท้ายนำมาวางคืน แต่การกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการต่อเนื่องจากจนมาสู่การจับกุมดังกล่าว ที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยตำรวจได้ดีคือกล้อง CCTV ของเทศบาลเมืองฯและ อบจ.สุพรรณบุรี ทำให้ตำรวจทำงานง่ายขึ้น

ด้าน ดร.เอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ นายกเทศมนตรีเมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่าต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำงานได้อย่างฉับไว ทำให้ได้สิ่งของวัตถุโบราณที่ประเมินค่ามิได้กลับคืนสู่วัดทุกชิ้น แสดงให้เห็นว่าตำรวจปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ต่อไปนี้ตนและทางวัดจะหามาตรการป้องกันวัตถุโบราณล้ำค่าเหล่านี้ เพื่อไม่ให้ถูกโจรกรรมซ้ำซากอีก