สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองเปชวาร์ ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 65 ราย จากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพายุและฟ้าผ่า หลังฝนตกมากขึ้นกว่าอัตราเฉลี่ยในอดีตเกือบ 2 เท่า

ทั้งนี้ ฝนซึ่งตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างวันศุกร์ถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน บ้านเรือนพังทลาย ขณะที่ฟ้าผ่าคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 28 ราย

ยอดผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา ทางตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างน้อย 32 ราย เป็นเด็ก 15 ราย มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายมากกว่า 1,300 หลัง

นายอันวาร์ ข่าน โฆษกหน่วยงานจัดการภัยพิบัติของแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา กล่าวว่า “ทั้งหมดเสียชีวิตเพราะกำแพงและหลังคาพังทลายลงมา”

เจ้าหน้าที่ขอให้ประชาชนหาที่หลบภัยบนพื้นที่สูง รวมไปถึงบนไหล่ทางมอเตอร์เวย์ ขณะที่ภาครัฐก่อสร้างเต็นท์ชั่วคราว ซึ่งทำจากแผ่นพลาสติกและไม้ไผ่

นายซูแฮร์ อาเหม็ด บาบาร์ โฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า “เราสังเกตเห็นปริมาณน้ำฝนที่ผิดปกติในเดือนเมษายน ตั้งแต่วันที่ 1-17 เม.ย. ปริมาณน้ำฝนเกินค่าเฉลี่ยในอดีต ถึงร้อยละ 99” โดยอ้างอิงจากข้อมูลในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝนตกหนักผิดปกติและมีปริมาณน้ำสูงกว่าปกติ ไม่ใช่แค่ในปากีสถาน แต่ทั้งภูมิภาคกำลังได้รับผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ” เขากล่าว

อย่างไรก็ดี ฝนหยุดแล้วเมื่อวันอังคารและวันพุธที่ผ่านมา ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ แต่คาดว่าจะมีฝนตกหนักอีก ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ปากีสถานมีความเสี่ยงมากขึ้น จากสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ เช่นเดียวกับฝนมรสุมทำลายล้าง ซึ่งมักเกิดขึ้นในเดือน ก.ค. โดยในปี 2565 พื้นที่ 1 ใน 3 จมอยู่ใต้น้ำจากฝนมรสุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้ผู้คนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่น สร้างความเสียหายและความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์)

ในแคว้นปัญจาบ จังหวัดที่มีประชากรมากที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของปากีสถาน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย รวมไปถึงชาวนาที่ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต ขณะกำลังเกี่ยวข้าวสาลี

ทั้งนี้ ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โล่งในชนบท มีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าในช่วงที่พายุฝนฟ้าคะนอง

ส่วนสถานการณ์ที่แคว้นบาโลจิสถาน ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีผู้เสียชีวิตจากฟ้าผ่า 7 ราย จากจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย โดย 25 เขต ได้รับความเสียหายจากพายุ และบางพื้นที่ถูกน้ำท่วม โรงเรียนถูกสั่งปิดในวันจันทร์และอังคารที่ผ่านมา และบางแห่งเปิดอีกครั้งเมื่อวันพุธ

ขณะที่สถานการณ์ในแคว้นสิทธ์ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ มีรายงานผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน อย่างน้อย 4 ราย.

เครดิตภาพ : AFP