เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศเริ่มโครงการเติมเงินให้ประชาชน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต ให้ทันในไตรมาส 4 ว่า สถานการณ์วันนี้ย้อนกลับไปจุดเดิมที่เหมือนตอนประกาศว่าจะออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000  ล้านบาท แต่สุดท้ายอาจไม่ได้เป็นไปตามนั้น สำหรับเที่ยวล่าสุดนี้ ก็เป็นอีกครั้งที่ยังมีความคลุมเครือ แม้จะมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาก็ตาม แต่มติ ครม. ดังกล่าว เป็นมติที่เห็นชอบในหลักการ ซึ่งไม่มีอะไรใหม่ เพราะการแถลงนโยบายรัฐบาลก็พูดอยู่แล้ว ดังนั้น ครม. จึงต้องเห็นชอบตามนโยบาย แต่รายละเอียดที่จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตรงนั้นคือหัวใจสำคัญ ซึ่งจนถึงขณะนี้กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องโดยตรงก็ยังทำไม่เสร็จ ยังจะมีการนัดประชุมในรายละเอียดอีกว่าแหล่งเงิน วิธีการ และรายละเอียดอื่นๆ จะทำอย่างไร ซึ่งแค่หลักการ ครม. ที่อยู่ด้วยกัน ให้เกียรติกันก็ต้องเห็นชอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ในเรื่องของรายละเอียดจะต้องติดตาม

“ผมเรียนว่ายังคลุมเครือ เพราะผู้ที่มีความรู้ เชี่ยวชาญตัวจริงทางด้านการเงิน การคลัง และด้านกฎหมายของประเทศมีจำนวนไม่น้อยที่ให้ความเห็นว่ามีหมิ่นเหม่กฎหมาย ซึ่งตรงนี้ถ้ารัฐบาลจะทำให้เกิดความชัดเจนกว่านี้ก็ทำได้ โดยส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาให้วินิจฉัย ก็จบไป แต่ผมไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมต้องยื้อเวลาในการที่จะส่งกฤษฎีกาไปอีก เรื่องนี้จึงเหมือนกับเดินไปบนเส้นด้าย เพราะความชัดเจนเรื่องข้อกฎหมายยังถกเถียงกันอยู่ และคนที่มาเถียงกฎหมายก็ไม่ใช่ว่าคนไม่รู้เรื่อง ซึ่งเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งการเงิน การคลัง และกฎหมายที่ออกมาท้วงติง ดังนั้นรัฐบาลต้องรับฟังและทำความจริงให้เกิดขึ้น มิฉะนั้นจะคลุมเครืออยู่ ประชาชนก็รอด้วยความหวัง ในลักษณะที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะไม่ได้แปลว่าเมื่อ ครม. มีมติ แล้วจะเป็นไปตามนั้น” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนพูด ต้องการให้รัฐบาลทำ แต่ตนไม่วิเคราะห์ว่าดีหรือเสียอย่างไร แต่เป็นหน้าที่พรรคการเมืองที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อหาเสียงและได้คะแนนเสียงจากประชาชนมาแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบจากเสียงที่ได้มา ต้องทำ แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่คุ้มค่าแค่พรรคการเมือง