เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 67 สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการ ซึ่งมีการพิจารณาถึงบทลงโทษ จากเหตุการณ์ที่มี รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ กรณีปฏิเสธการรับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติรายหนึ่ง ซึ่งเป็นตำรวจที่ถูกรถชนในบริเวณใกล้เคียง ไปส่งโรงพยาบาลอื่น จนภายหลังตำรวจรายนี้ได้เสียชีวิต


ที่ประชุมมีมติเห็นว่า จากการรับฟังพยานหลักฐานทั้งในส่วนของพยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ และพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พบว่า ผู้ป่วยรายนี้ เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ โดยระหว่างการปฏิบัติการฉุกเฉิน หน่วยปฏิบัติการอำนวยการและหน่วยปฏิบัติการแพทย์ได้ปฏิบัติการฉุกเฉิน ตามมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉินแล้ว ดังนั้นเมื่อสถานพยาบาลได้รับการประสานการปฏิบัติการฉุกเฉินจากหน่วยปฏิบัติการอำนวยการเพื่อนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ อันเป็นไปตามความจำเป็นและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ฉุกเฉิน สถานพยาบาลจึงมีหน้าที่ในการตรวจคัดแยกลำดับความฉุกเฉินและจัดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการปฏิบัติการฉุกเฉินอย่างทันท่วงที และจะต้องปฏิบัติการฉุกเฉินอย่างเต็มขีดความสามารถของสถานพยาบาลนั้น 


แต่การปฏิเสธไม่รับรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยการนำสิทธิการรักษาพยาบาลหรือความสามารถในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยฉุกเฉินหรือเงื่อนไขใดๆ มาปฏิเสธ ไม่ให้ผู้ป่วยรายนี้ ให้ได้รับการปฏิบัติการฉุกเฉินอย่างทันท่วงที จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ป่วยฉุกเฉิน ตามมาตรา 28 และมาตรา 29 (1) แห่ง พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 ประกอบกับข้อ 3 ของประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ และข้อจำกัดของสถานพยาบาลในการปฏิบัติการฉุกเฉิน พ.ศ. 2557 และข้อ 5 วรรคหนึ่งของประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง ข้อกำหนดว่าด้วยสถานพยาบาล พ.ศ. 2554 ซึ่งต้องระวางโทษปรับทางปกครองตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 และเมื่อพิจารณาจากการกระทำครั้งนี้ พบว่าการปฏิบัติการฉุกเฉินโดยการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินรายนี้มีการประสานการปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อนำส่งถึงสองครั้ง แต่ได้รับการปฏิเสธทั้งสองครั้ง และไม่มีการช่วยเหลือเยียวยาให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายใกล้ตาย เนื่องจากปัญหาระบบทางเดินหายใจและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินเพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและอำนาจหน้าที่ของสถานพยาบาล ประกอบกับผู้ป่วยฉุกเฉินรายนี้ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา 


“จากการกระทำข้างต้นย่อมเห็นได้ว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน จึงมีมติให้ลงโทษปรับทางปกครองในอัตรา 100,000 บาท”


โดยการลงโทษปรับทางปกครองกับ รพ.เอกชนที่ไม่รับเคสผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติในครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งที่สอง ซึ่งก่อนหน้านี้ กพฉ. เคยมีมติลงโทษปรับ 100,000 บาท ในอัตราที่สูงสูงสุด แก่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ที่ไม่รับนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่ถูกรถชนอาการสาหัส และภายหลังได้เสียชีวิต ซึ่งขัดต่อกฎหมายและนโยบายของ นพ.ชลน่าน ที่ต้องการให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ได้รับการรักษาช่วยชีวิตตามมาตรฐานอย่างเร่งด่วน โดยไม่ต้องคำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา สิทธิการรักษา และความสามารถในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล หากประชาชนหรือหน่วยปฏิบัติการพบเหตุการณ์การปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติในลักษณะนี้ สามารถแจ้งมายัง ศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ สพฉ.โทรศัพท์ 0-2872-1669 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง.