สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ว่า ในรายงานความยาว 32 หน้า ผู้สังเกตการณ์การคว่ำบาตรของยูเอ็น สรุปว่า เศษชิ้นส่วนที่เก็บกู้จากขีปนาวุธซึ่งตกลงในเมืองคาร์คิฟ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 มาจากขีปนาวุธนำวิถี “ฮวาซอง-11” ซึ่งนับเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามขนส่งอาวุธที่บังคับใช้กับเกาหลีเหนือ

อนึ่ง เกาหลีเหนือ หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของยูเอ็น เนื่องจากโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ มาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งมาตรการเหล่านี้ มีความเข้มงวดยิ่งขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ผู้สังเกตการณ์การคว่ำบาตร 3 คน เดินทางไปยังยูเครน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบเศษชิ้นส่วนดังกล่าว และไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า ขีปนาวุธลูกนี้ผลิตโดยรัสเซีย แต่พวกเขาไม่สามารถระบุได้ว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจากที่ไหน และใครเป็นผู้ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม สหรัฐ และประเทศอื่น ๆ กล่าวหาว่า เกาหลีเหนือส่งอาวุธให้กับรัสเซีย เพื่อนำไปใช้ในการทำสงครามกับยูเครน ซึ่งแม้รัฐบาลมอสโก และรัฐบาลเปียงยาง ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้น แต่ทั้งสองประเทศให้คำมั่นเมื่อปีที่แล้วว่า จะกระชับความสัมพันธ์ทางทหารให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ภายหลังเหตุการณ์โจมตีในวันที่ 2 ม.ค. เพียงไม่กี่วัน สำนักงานอัยการภูมิภาคคาร์คิฟ จัดแสดงชิ้นส่วนขีปนาวุธดังกล่าวให้สื่อดู โดยระบุว่า มันแตกต่างจากโมเดลขีปนาวุธของรัสเซีย และอาจเป็นขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือจัดหาให้กับรัฐบาลมอสโก.

เครดิตภาพ : AFP