เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส สาธารณรัฐอิตาลี และประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 15-24 พ.ค. รวมเวลา 10 วัน ว่า ในการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้มีการพบปะพูดคุย กับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งได้มีการพูดคุยในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเชงเกนวีซ่าฟรี และมีการประชุม Business Forum ซึ่งนักธุรกิจฝรั่งเศสจะเดินทางมาประชุมที่ประเทศไทยช่วงเดือน ก.ย. นี้ นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยถึงเรื่องเทคโนโลยีความร่วมมือทางด้านการทหารและความมั่นคง รวมถึงในช่วงปลายเดือน ก.ค. จะมีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ จึงจะมีการใช้โอกาสนี้ที่จะเรียกร้องให้อิสราเอลกับฮามาส มีการหยุดยิงชั่วคราว ซึ่งเราก็ขอให้มีการผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น รวมถึงฝรั่งเศสยังสนับสนุนให้มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยสำหรับเมียนมา

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนภารกิจเดินทางไปสาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งเราได้มีการพบปะหารือกับผู้นำด้านแฟชั่นของสาธารณรัฐอิตาลี โดยได้มีการนำผ้าย้อมคราม และเครื่องจักรสานที่ อยู่ในโครงการพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญามาต่อยอดกับแบรนด์ชั้นนำ โดยเป็นที่น่ายินดีว่าวันที่ 27 พ.ค. คนที่ดูแลเรื่องการออกแบบของบริษัท Zegna จะเดินทางมาประเทศไทยด้วย

เมื่อถามว่าการเดินทางไปเยือน 3 ประเทศ เป็นที่น่าพอใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นที่น่าพอใจ ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาเรื่องการค้าหรือการผลักดันวีซ่าเชงเกน และ FTA ทั้งนี้ ตอนที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการพูดคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยมีการพูดคุยเรื่องการตั้งนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงปัญหาชายแดนภาคใต้ที่เริ่มปะทุขึ้นมาอีก ซึ่งตนจะลงพื้นจังหวัดชายแดนใต้ภายในอีก 1-2 สัปดาห์ โดยตนได้เรียนเชิญนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ลงพื้นที่พร้อมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระบุว่า ก็อยากจะไป หากมีตารางว่าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงประเทศไทย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าพบเพื่อรายงาน โดยพูดคุยประมาณ 20 นาที เรื่องปัญหายาเสพติด และเรื่องคดีความกรณีโรงงานบริษัท วิน โพรเสส ที่เกิดเพลิงไหม้ เมื่อ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งจะมีการประชุมต่อ เพื่อพูดคุยในเรื่องดังกล่าว.