สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ว่าการทดลองสูบกัญชาอย่างถูกกฎหมายในเนเธอร์แลนด์ ได้รับการขยายไปยังเมืองอีก 8 แห่ง หลังก่อนหน้านี้ทดลองแค่ในเมืองเบรดาและทิลเบิร์ก ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาชญากรรมและปัญหาสังคม
ชาวต่างชาติมักเข้าใจผิดว่า เนเธอร์แลนด์อนุญาตให้มีการสูบกัญชาอย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟชื่อดังระดับโลกที่ขายกัญชา ทำให้ดึงดูดผู้สูบกัญชาเป็นจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริง กัญชาอยู่ในพื้นที่สีเทาทางกฎหมาย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่พยายามขจัดช่องว่างทางกฎหมาย ด้วยการทดลองที่เริ่มต้นเมื่อปี 2566
ก่อนหน้านี้ การบริโภคกัญชาในปริมาณเล็กน้อยถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ตำรวจเลือกที่จะไม่บังคับใช้กฎหมายต่อการกระทำเหล่านี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย ‘อดทน’ ของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2513
อย่างไรก็ตาม การผลิตกัญชาและการจัดส่งให้กับร้านกาแฟ ยังถือว่าผิดกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม หมายความว่าผู้ผลิตและเจ้าของร้านกาแฟต้องดำเนินการในเงามืด นำไปสู่การดำเนินการเกี่ยวข้องกับแก๊งต่าง ๆ ที่คอยก่ออาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ และมีพฤติกรรมต่อต้านสังคม เจ้าหน้าที่จึงหวังว่า การทดลองนี้จะหยุดการกระทำเหล่านั้นได้
การจำหน่ายกัญชาได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิด ในเมืองต่าง ๆ เช่น มาสทริชต์ ทางตะวันออก และโกรนิงเกน ทางตอนเหนือของเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ขาย มั่นใจในคุณภาพและต้นกำเนิดของมัน โดยผู้สูบจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง หลังก่อนหน้านี้ไม่อาจทราบได้ว่า กัญชาเหล่านี้มาจากไหน หรือผ่านการแปรรูปหรือไม่
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลดัตช์เกิดขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มของการลดทอนความเป็นอาชญากรรมในการใช้กัญชาทั่วโลก อาทิ ในเยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เยอรมนีกลายเป็นประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) ที่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาเชิงสันทนาการ ภายใต้เงื่อนไขผู้มีอายุมากกว่า 18 ปี สามารถพกกัญชาแห้งได้ 25 กรัม และปลูกต้นกัญชาในบ้านได้สูงสุด 3 ต้น
ปัจจุบัน ความไม่แน่นอนของนโยบายกัญชาในเนเธอร์แลนด์ ขึ้นอยู่กับนายเกียร์ต วิลเดอร์ส ผู้นำพรรคขวาจัด ซึ่งชนะการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากพรรคเพื่อเสรีภาพ (พีวีวี) ของวิลเดอร์สต้องการยกเลิกนโยบาย ‘อดทน’ ต่อสินค้าและร้านกาแฟกัญชา และต้องการผลักดันให้เกิด ‘ประเทศปลอดยาเสพติด’.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES