เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจรถไฟ สามารถจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุลักลอบตัดสายเคเบิลได้ 3 ราย ประกอบด้วย นายธนะ พุ่มอ่ำ อายุ 55 ปี, นายรำไพ คัมภีรพงษ์ อายุ 53 ปี และนายวิวัฒน์ ชาติศรี อายุ 51 ปี พร้อมด้วยของกลาง สายเคเบิล เส้นละ 1 เมตร จำนวน 8 เส้น น้ำหนัก 10 กิโลกรัม (กก.) สายเคเบิลเส้นละ 50 เซนติเมตร (ซม.) 16 เส้น น้ำหนัก 10 กก. สายอะลูมิเนียมเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า น้ำหนัก 4 กิโลกรัม ครีมตัดสายไฟ และรถกระบะโตโยต้าวีโก้สีเหลืองดำ ทะเบียน ฒณ 8898 กรุงเทพมหานคร มีนายวิวัฒน์ ชาติศรี เป็นผู้ครอบครอง

ทั้งนี้พบของกลางบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ยอยู่ในรถยนต์บริเวณที่นั่งด้านหลังคนขับ และวางอยู่ที่พื้นข้างตู้คอนเทเนอร์ข้างตู้คนงาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีการลักลอบตัดสายเคเบิล บริเวณย่านสถานีกลางบางซื่อ ด้านถนนกำแพงเพชร 6 จึงได้วางกำลังซุ่มดู ต่อมาพบกลุ่มผู้ต้องหากำลังขนย้ายของกลางดังกล่าวใส่รถกระบะ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม และนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งสถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นการจับกุม แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า การจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดครั้งนี้ ได้ดำเนินการสอบสวนขยายผลการจับกุม เพื่อเอาผิดให้ถึงที่สุด ตามนโยบายนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. เพราะถือเป็นพฤติกรรมอุกอาจในการทำลายทรัพย์สินของราชการ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนรวมอย่างมาก อย่างไรก็ตามการจับกุมผู้กระทำผิดเป็นผลจากการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดย รฟท.ได้เข้าไปติดตั้งกล้องวงจรปิด ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย และใช้เป็นหลักฐานในการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ตลอดจนยังใช้วิธีมวลชนสัมพันธ์ โดยขอความร่วมมือกับชุมชนโดยรอบทางรถไฟ ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลความเรียบร้อย ซึ่งในกรณีนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการช่วยจับกุมผู้กระทำผิดมาได้

นายเอกรัช กล่าวด้วยว่า ผู้ว่า รฟท. ได้สั่งการให้ติดตามดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด ทั้งทางแพ่งและอาญา พร้อมกับให้ฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหายความผิดคดีทางแพ่งเกี่ยวเนื่องในคดีอาญา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมค่าเสียหายส่งพนักงานสอบสวน นอกจากนี้จะดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่ รฟท. และก่อกวนให้เป็นอุปสรรคการเดินรถ รวมถึงการก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินทางราชการด้วย

นายเอกรัช กล่าวอีกว่า รฟท. ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการใช้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง เนื่องจากการตัดชุดสายเคเบิลดังกล่าว เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบจ่ายไฟฟ้า สำหรับป้องกันอันตรายการบำรุงรักษาของพนักงานที่ลงไปทำงานในเส้นทางรถไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการเดินรถ หรือกระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในขบวนแต่อย่างใด ที่สำคัญ รฟท. ยังมีการใช้ช่างบำรุงรักษาของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลบำรุงรักษา ระบบงานกว่า 10 ปีเข้ามาช่วยดูแล เพราะเป็นระบบจ่ายไฟเหนือหัวรูปแบบเดียวกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า รฟท. ยังคงความเข้มข้นในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยทางผู้บังคับการตำรวจรถไฟ และฝ่ายสืบสวน ได้มีคำสั่งแต่งตั้งชุดสืบสวน เพื่อติดตามคนร้ายและทรัพย์สินของ รฟท. เป็นการเฉพาะ โดยมี รฟฟท. ซึ่งให้บริการเดินรถไฟชานเมืองสายสีแดง และบริษัทรักษาความปลอดภัย จัดชุดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน และสุ่มตรวจในพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำจัดวัชพืชตลอดแนวรั้วให้โล่ง เพื่อสอดส่องดูแลความปลอดภัยอย่างทั่วถึง และป้องกันไม่ให้ใช้เป็นพื้นที่ก่อเหตุ ตลอดจนเสริมแนวรั้วป้องกันเพิ่มเติมในจุดเสี่ยง และติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม เสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย.