เมื่อวันที่ 27 ม.ค. น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การสื่อสาร โทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กมธ.ดีอีเอส ประชุมติดตามความคืบหน้าในการประมูลใบอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าถึงวงโครจรดาวเทียมโดยเชิญ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมประชุมหารือ โดยทางตัวแทน กสทช. ชี้แจงว่า ดาวเทียมไทยคม 4 จะหมดสัญญาในปี 2566 ต้องเร่งดำเนินการเปิดประมูลเพื่อต่อสัญญาวงโคจร โดยต้องประมูลให้เสร็จก่อนหมดสัญญา เพราะหากปล่อยให้หมดสัญญาก่อนประมูลอาจกระทบหลายเรื่อง อาทิ ระบบการสื่อสารภายในประเทศ ซึ่งทาง กสทช.ระบุว่า จะเร่งการประมูลให้เสร็จภายในเดือนมิ.ย. 2565 โดยที่ผ่านมามีคนร่วมการประมูลน้อย เนื่องจากธุรกิจดังกล่าว ผู้ประกอบการมีจำนวนน้อยเพราะวงเงินประมูลและสเปกค่อนข้างสูง

น.ส.กัลยา กล่าวว่า ทาง กมธ.ดีอีเอส ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ เพราะอาจมีผลกระทบวงกว้าง โดยในการประชุม กมธ.ดีอีเอส วันที่ 10 ก.พ. เตรียมเชิญ กสทช., บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT), กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, บริษัทไทยคม และบริษัทที่จะเข้าร่วมการประมูล เข้าหารือแนวทางร่วมกัน โดยอาจมีข้อเสนอให้ลดสเปกของผู้เข้าร่วมประมูลลงมาได้หรือไม่เพื่อให้ผู้ประกอบการต่างๆเข้าถึง แต่อาจมีปัญหาเพราะธุรกิจดังกล่าวต้องมีเครื่องมือราคาสูง และต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางดังนั้นต้องหาทางออกร่วมกัน นอกจากนี้ทาง กสทช.ยอมรับการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องนี้ไม่มากพอ ทำให้สังคมความเข้าใจผิด ว่ามีการฮั้วประมูลหรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ และมีการเอาสมบัติชาติมาขายซึ่งเรื่องนี้ กมธ.เห็นว่าต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและสังคมเข้าใจอย่างถูกต้อง.