“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์ ช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทยังคงอ่อนค่าสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย นำโดย เงินหยวนที่อ่อนค่าสุดในรอบ 7 เดือนจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และเงินเยนที่ร่วงลงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 20 ปีระหว่างสัปดาห์ท่ามกลางความแตกต่างระหว่างแนวโน้มนโยบายการเงินของญี่ปุ่นและสหรัฐ ขณะที่เงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นรับการคาดการณ์ถึงโอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยแบบแข็งกร้าวของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อสหรัฐ นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมในระหว่างสัปดาห์จากแรงขายของต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย

ทั้งนี้ในวันศุกร์ (22 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 33.93 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ ในวันอังคารก่อนหน้า (12 เม.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 18-22 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,292.46 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น NET OUTFLOW หรือเงินไหลออกสุทธิในตลาดพันธบัตร 11,686 ล้านบาท (มาจาก การขายสุทธิพันธบัตร 4,167 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 7,519 ล้านบาท)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (25-29 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.70-34.20 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ แรงซื้อเงินดอลลาร์ หลังการจ่ายปันผลของ บจ. และผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ คำสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. จีดีพีไตรมาส 1/65 และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์