เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ศูนย์เรียนรู้บ้านวังส้มซ่า หมู่ที่ 1 ต.ท่าโพธิ์ อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) พร้อมด้วยนางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ลงพื้นที่เป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อน บริษัทประชารัฐรักสามัคคีสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา จ.พิษณุโลก และบ้านวังส้มซ่า โดยมี ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร ผู้ตรวจราชการ มท. เขตตรวจราชการที่ 17 นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นางวัชรินทร์ จิตรวิเศษ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพิษณุโลก นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) คุณภาวินี ไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัดหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด มท. นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภาคีเครือข่าย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม  

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้มาเห็นตัวอย่างการขับเคลื่อนความสำเร็จของชุมชนโดยกลไกบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) พิษณุโลก ซึ่งสิ่งที่ดีจะเกิดการ Change for Good ขึ้นได้ ต้องมีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Transformative Leadership) โดยผู้นำในพื้นที่ อันประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีของจังหวัดและอำเภอ ต้องเป็นผู้นำการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ด้วยการสร้างทีมจากทุกตำบล/หมู่บ้าน และชุมชนที่เข้มแข็ง และเดินหน้าพัฒนาอย่างทั่วถึง ทั้งนี้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้พวกเราทุกคนช่วยกันดูแลสังคมผ่านกลไก บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.1) ฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ และคุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน ได้ร่วมกันเป็นผู้นำในการดึงศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในทุกจังหวัดที่มีความเข้มแข็งให้ช่วยกันลุกขึ้นมาในการที่จะตั้งทีมและบริหารจัดการเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าชุมชน ทั้งที่เป็นรูปธรรม (Hard Power) และนามธรรม (Soft Power) เป็นเครื่องมือในการทำให้พี่น้องประชาชนสามารถดำรงชีพอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดต้องเป็นผู้นำเชิญชวนภาคเอกชนที่มีความพร้อมและมีจิตเสียสละ มาร่วมกันทำ ช่วยกันสนับสนุน คนละเล็ก ละน้อย เป็นทุนตั้งต้น ตามหลักการของบริษัท ประชารัฐ รักสามัคคี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด คือ “เอกชนคิด ราชการหนุน ประชาชนลงมือทำ” และต้องมีเวทีพูดคุย เพื่อให้กำลังใจ รับฟังปัญหา หาทางออก ในทุกเดือน อันจะส่งผลทำให้พี่น้องประชาชนมีความเข้มแข็ง ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ และนำผลสำเร็จของ “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) พิษณุโลก” เป็นตัวอย่างการดำเนินงานที่สร้างกิจกรรมที่มีคุณภาพ มีสีสัน และมีความหวัง สอดคล้องกับหลักการว่า “เอกชนนำ” โดยจังหวัดพิษณุโลก มีต้นทุนมหาศาล คือ “เมือง 3 ธรรม” อันได้แก่ คุณธรรม วัฒนธรรม และธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญมาก อันเป็นจุดแข็งที่ต้องบริหารจัดการให้ผู้ผลิต ผู้ขาย ได้มาเจอกับผู้บริโภค อันมีนัยการทำงานที่สำคัญ คือ ข้าราชการต้อง Passion เป็นสตาฟฟ์ที่ดีให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับบัญชา นำเสนอให้ผู้บังคับบัญชาขับเคลื่อนในทางที่ดีตามที่เราเสนอ ด้วยการถอดบทเรียนความสำเร็จจากการลงพื้นที่ติดตามให้กำลังใจผู้ประกอบการและชุมชน ทำให้คนในชุมชนมีความเข้มแข็ง สอดคล้องกับนโยบาย มท. ดังเช่น บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี เป็นเครื่องมือในการ “พัฒนาคน” ร่วมกับภาคีเครือข่าย ด้วยการค้นหาภาคประชาชนภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ที่มีจิตสาธารณะ มาเป็นทีมเดียวกับเรา

“ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ด้วยการพัฒนาคน และถ่ายทอด DNA ขยายผลไปสู่คนอื่นได้ สร้างคนให้มี DNA ของคนที่มี Passion ที่เหมือนกัน พัฒนาบริษัทประชารัฐรักสามัคคี ให้สามารถบริการท่องเที่ยวแบบเชิงให้ความรู้ ทำ “วิถีส้มซ่า” ให้กลายเป็นแหล่งฝึกอบรมในพื้นที่ในรูปแบบ “ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนพัฒนาแบบยั่งยืน” Sustainable Community Learning Center และนำ “ส้มซ่าโมเดล” ขับเคลื่อนขยายผลเป็นตัวอย่างความสำเร็จให้กับทุกจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมองให้เห็นภาพรวมในฐานะนายกรัฐมนตรีของจังหวัดและนายอำเภอต้องมองเห็นภาพรวมของอำเภอและลงมือทำ ด้วยการบูรณาการ ตั้งแต่ “บูรณาการทีม และบูรณาการงาน” และส่งเสริมให้ทีมมีจิตใจรักใคร่สามัคคีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อันส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพท่ามกลางสภาวะความเปลี่ยนแปลง” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นางวันดี กล่าวว่า ขอชื่นชมยินดี “บ้านวังส้มซ่าโมเดล” ในวันนี้ สิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องไม่ลืม Key Person ได้แก่ นายกฯ รมว.มหาดไทย และคุณฐาปน สิริวัฒนภักดี และเน้นย้ำสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้การขับเคลื่อนประสบผลสำเร็จ คือ ต้องคิดก่อน และเมื่อคิดแล้วต้องมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราคิด เพื่อให้เกิดพลังในการไปเปลี่ยนแปลง (Change) คนอื่นได้ รวมทั้งต้องมีความศรัทธา (Trust) ในความคิด ซึ่งความศรัทธาจะทำให้เราพร้อมที่จะลุยน้ำ ลุยไฟ ทำงานวันละ 25 ชั่วโมง และต้องมี Passion คือ ความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่เราตั้งหลัก ตั้งโจทย์ไว้ ประกอบกับแผนงาน (Plan) ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งจังหวัดพิษณุโลก มีมหาวิทยาลัยนเรศวรช่วยสนับสนุนองค์ความรู้ มีพื้นที่ที่เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ปลูกอะไรก็ขึ้น จากนั้นต้องมีการระดมความคิด มีการ workshop คิดแล้วคิดอีกก่อนจะทำ และลงมือปฏิบัติ ทำทุกวันยิ่งทำยิ่งเรียนรู้ และต้องพร้อมที่จะปรับแผนให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เป็นจริง และเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งต้องสกัดออกมาให้ได้ โดยเฉพาะการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถ้าเราสามารถขับเคลื่อนให้ประชาชนน้อมนำหลักดังกล่าวได้สำเร็จแค่เรื่องเดียว ปัญหาที่เหลือด้านอื่นๆ ก็จะแก้ได้หมด และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนมุ่งมั่นช่วยกันขยายผลไปสู่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ.