ยังคงอยู่ในกระแสร้อนแรงที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์จับตามอง และให้ความสนใจกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีเรื่องราวของอดีตพระพงศกร ปภัสสโร หรือ อดีตหลวงพี่กาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ตกเป็นข่าวฉาวหลังมีคลิปเสียงสนทนาเผยสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ “สาวตอง” จนอดีตหลวงพี่กาโตะต้องประกาศลาสิกขา และออกมายอมรับว่ามีสัมพันธ์สวาทกับสีกาสาวตองจริง เละตัดสินทำการลาสิกขาเป็นที่เรียบร้อย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด แฟนเพจเฟซบุ๊กของ ทนายพัฒน์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว และตั้งประเด็นข้อสงสัย 4 ข้อ ดังระบุข้อความว่า “ประเด็นที่อยากถาม 1. ทำไมสีกามีแชตลับตลอด ไม่เคยลบ (ปกติหากพิศวาสกันแบบคนรักกันจริงย่อมลบเพื่อปกปิดข้อมูลช่วยอีกฝ่าย)

2. ทำไมสีกามีคลิปเสียงเรื่อย ๆ และคำพูดคำจา เหมือนจะมัดตัวอีกฝ่ายตลอด 3. ทำไมสีกาเรียกแต่เงิน และจำนวนที่มากเกินวิสัย หลักแสน เพียงได้กันไม่กี่ครั้ง 4. เวลาให้สัมภาษณ์สื่อ เหมือนสีกาไม่สะทกสะท้าน และจะแฉอย่างเดียว แลโยนความผิดให้แต่พระตลอดนะ

เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ต่างๆเหล่านี้ทั้งหมดประกอบกันแล้วน่าจะรับฟังได้ว่าเป็นการรีดเอาทรัพย์จากอีกฝ่ายหนึ่ง (พระเป็นเหยื่อ) อันเป็นความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 338 หรือไม่ #สงสัยจริงเชียว #คนดีจะคุยไลน์กับพระแบบนี้ไหม? #อยากคุยกับอดีตพระนะ เห็นแล้วขึ้น!!!”

นอกจากนี้ยังยกคำพิพากษาคดีมาระบุด้วยว่า “คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12685/2558 การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 338 หมายความว่า การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป และเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าของความลับประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ ดังนี้ ความลับจึงไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเจ้าของข้อเท็จจริงประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ก็ถือว่าเป็นความลับแล้ว

เมื่อฎีกาของจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว แต่จำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาประมาณ 1 ปี ข้อเท็จจริงที่จำเลยกับผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง เมื่อเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน แสดงว่าผู้เสียหายประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นโดยเฉพาะภริยาจำเลยรู้เรื่องดังกล่าว เรื่องนั้นจึงเป็นความลับของผู้เสียหาย การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายว่าหากผู้เสียหายไม่นำเงินจำนวน 20,000 บาท มาให้จำเลย จำเลยจะนำเรื่องความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างจำเลยซึ่งมีครอบครัวแล้วกับผู้เสียหายไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น จึงเป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับของผู้เสียหาย ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 338”..

ขอบคุณภาพประกอบ : ทนายพัฒน์ ปรึกษาฟรี.0878133012