สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ว่านายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่าผู้แทนของรัฐบาลมอสโกและสหรัฐ มีกำหนดหารือร่วมกันในเดือน ม.ค.ที่จะถึงนี้ เกี่ยวกับการที่รัสเซียต้องการให้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยุติการขยายอิทธิพลทางทหารในกลุ่มประเทศทางตะวันออกของยุโรป ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต หนึ่งในนั้นคือยูเครน


ทั้งนี้ ลาฟรอฟกล่าวว่า รัสเซียไม่ต้องการสงครามและไม่แสวงหาการเผชิญหน้า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมอสโกพร้อมดำเนินการตามแนวทางที่จำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ โดยนอกจากหารือระดับทวิภาคีกับรัฐบาลวอชิงตัน รัสเซียเตรียมหารือแยกต่างหากกับนาโตด้วย


ท่าทีดังกล่าวของลาฟรอฟ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงจำกัดปริมาณการส่งก๊าซธรรมชาติผ่านตามท่อเข้าสู่ทวีปยุโรป เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายประเทศในภูมิภาค ว่ารัสเซีย “ยังคงใช้พลังงานเป็นอาวุธ”


ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ว่าการที่นาโตยังคงเดินหน้าขยายอิทธิพลตามแนวรบฝั่งตะวันออก และไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาด้านขีปนาวุธอีกหลายฉบับที่มีร่วมกัน “คือต้นเหตุแท้จริง” ของสถานการณ์ตึงเครียด อย่างไรก็ตาม เขาหวังว่า สถานการณ์จะยุติด้วยดี เนื่องจาก “มีสัญญาณบวก” จากฝั่งตะวันตก ต่อ “เงื่อนไขหลักประกันความมั่นคง” ที่รัฐบาลมอสโกต้องการ


ปูตินยืนยันว่า สิ่งที่เรียกร้องไปนั้น “ไม่ใช่เส้นตาย” สำหรับทั้งสหรัฐและนาโต แต่รัสเซีย “ไม่มีทางยอมถอย” ในการเผชิญหน้าเรื่องยูเครนกับรัฐบาลวอชิงตันและนาโต โดยพร้อม “ตอบโต้ตามความเหมาะสม” หากฝ่ายตะวันตกยังคงไม่ยับยั้ง “พฤติกรรมก้าวร้าว” และกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่ายูเครน “คือหน้าบ้าน” ของรัสเซีย เมื่อมีความท้าทายมา “จ่อถึงหน้าประตู” เป็นไปไม่ได้เลยที่รัสเซีย “จะนั่งมองอย่างเดียว”.

เครดิตภาพ : AP