เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้รับแจ้งความจากญาติพี่น้องของ น.ส.ผ่องศรี มธุรณานนท์ อายุ 70 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ หรู ถนนช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ว่า น.ส.ผ่องศรี ได้นั่งรถตู้ออกจากคอนโดฯ แล้วหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.64 ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด โดยทั่วก็พบว่ารถตู้ดังกล่าวหมายเลขทะเบียน ฮจ 1536 เชียงใหม่ สีขาว มีนายนวฤทธิ์ วณิชจินดา อายุ 37 ปี เป็นเจ้าของรถ ได้ขับมารับ น.ส.ผ่องศรี ออกจากคอนโดฯ ก่อนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่บ้านแม่คำปอง อ.แม่ออน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด

โดยรถตู้ดังกล่าวไว้แวะจุดบริเวณป่าริมถนนสายแม่ออน-แม่ตะไคร้ ถนนหมายเลข 1230 ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 19 ถึง 20 บ้านสหกรณ์ 6 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน  ก่อนจะมีคนเห็นชายลากผู้หญิง ลงจากรถเข้าไปในป่า ทางเจ้าหน้าที่จึงระดมคนปูพรมคนหาพื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าว โดยลึกเข้าไปในป่าก็พบศพของ น.ส.ผ่องศรี สภาพศพถูกมีดปาดคอ เป็นแผลยาว และมีรอยถูกแทงด้วยมีดที่ท้องจำนวนหลายแผล จึงทำการเก็บกู้ศพส่งแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ

กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ ก็พบว่านายนวฤทธิ์ หลบหนีไปที่ จ.เชียงราย จึงติดตามจับกุมตัวมาทำการสอบสวน ซึ่งนายนวฤทธิ์ ก็ให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือฆ่า น.ส.ผ่องศรี จริง เนื่องจากวันเกิดเหตุเดินทางไปรับผู้ตาย จากคอนโดมิเนียม ย่านถนนช้างคลาน ต.ช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อไปบริจาคของ และมอบให้กับเด็กที่วัดในพื้นที่บ้านแม่กำปอง

กระทั่งขากลับลงมาถึงที่เกิดเหตุ ตนได้ชวนผู้ตายลงจากรถมาพูดคุยเพื่อตกลงปัญหาบางอย่างกัน แต่เกิดมีปากเสียงทะเลาะ จึงเกิดบันดาลโทสะใช้มีดปอกผลไม้ ที่อยู่ในรถตู้มาปาดคอ น.ส.ผ่องศรี และจ้วงแทงไปที่ท้องก่อนจะลากศพลงป่าข้างทาง เพื่อทำการอำพรางศพ และทำทีขับรถตู้ กลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ไปที่คอนโดมิเนียมของผู้ตายทำทีเหมือนมาส่งผู้ตาย เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย จากนั้นได้ขึ้นไปบนห้องของผู้ตาย และยกตู้เซฟในห้องขึ้นรถไป แต่ไม่ทราบรหัสตู้เซฟทำให้เปิดไม่ได้ จึงนำตู้เซฟไปโยนทิ้งในบ่อน้ำ ในคันคลองชลประทาน ต.แม่เหียะ จากนั้นจึงกลับไปบ้านพักในอำเภอสันทราย เก็บข้าวของแล้วหลบหนีไปยังจังหวัดเชียงราย จนถูกจับกุมตัว

พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาก็ให้การทำนองขอโทษญาติของผู้ตายที่ก่อเหตุไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ลงมือทำเพียงคนเดียวไม่มีบุคคลอื่นร่วมด้วย ซึ่งนายนวฤทธิ์ ยังไม่ยอมให้การในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับผู้ตาย และสาเหตุที่ลงมือฆ่า โดยผู้ตายนั้นเป็นคนค่อนข้างมีฐานะร่ำรวย ใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งทางตำรวจจะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ได้ตั้งประเด็นไว้ ทั้งเรื่องชู้สาว ชิงทรัพย์ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และข้อหาปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ และจะได้จัดเจ้าหน้าที่ไปนำตู้เซฟที่โยนทิ้งน้ำกลับคืนให้ญาติผู้ตายต่อไป