กรณีท่อน้ำมันดิบ บ.สตาร์ปิโตรเลียม เกิดรั่วกลางทะเลระยอง น้ำมัน 400,000 ลิตรทะลัก พบสาเหตุรูท่อรั่วขนาด 0.9 ซม. เกิดจากการกัดกร่อนโดยจุลชีพ โดยมีการคาดการณ์ว่า น้ำมันจะเคลื่อนตัวสู่ชายฝั่งใกล้เคียงวันที่ 28 ม.ค. 180,000 ลิตร จนเป็นที่กังวลของประชาชนโดยรอบ และมีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ท่อน้ำมันดิบรั่วทะลัก4แสนลิตรกลางทะเลระยอง เร่งรับมือเคลื่อนเข้าชายฝั่ง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายภูมิพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รอง อธิบดีกรมเจ้าท่า นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง และ พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงเรือ”พยูน” กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บริเวณที่ท่าเรือเทศบาลเพ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อเดินทางไปตรวจสอบกลางทะเลบริเวณจุดที่เกิดน้ำมันเรือ ห่างจากฝั่งประมาณ 5 ไมล์ทะเล

เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณจุดน้ำมันรั่วพบเรือขนาดใหญ่กำลังเก็บกู้น้ำมันดิบ ซึ่งส่งกลิ่นฉุนในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีเฮลิคอปเตอร์บินวนโปรยสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน รอบๆพื้นที่ในวงประมาณ 500 เมตร โดยบนผิวทะเลพบคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิวน้ำจำนวนมาก บางจุดก็เป็นสีส้มลอยเป็นแพไปตามคลื่นรอบจุดที่น้ำมันรั่วไหลออกมา

‘อ.ธรณ์’ เตือนพื้นที่ ‘มาบตาพุด-แม่รำพึง-เกาะเสม็ด’ เฝ้าระวัง หลังน้ำมันรั่ว4แสนลิตร!

นายโสภณ กล่าวว่า ตรวจสอบจากบริษัทสตาร์ปิโตรเลี่ยม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มหาชน สรุปว่า น้ำมันที่รั่วไหลออกมามีประมาณ 20,000 ลิตร ไม่ใช่ 400,000 ลิตร ตามที่ประเมินไว้ช่วงแรก โดยรั่วบริเวณท่อใต้น้ำจึงทำให้น้ำมันดิบรั่วออกมา เบื้องต้นมีการกำจัดโดยใช้น้ำยาstcickgone NS Type ฉึดพ่นคราบน้ำมันบนผิวน้ำ สำหรับสารดังกล่าวเป็นสารละลายที่คุณสมบัติ ทำให้น้ำมันแตกตัวและจมลงสู่ก้นทะเล โดยมีการใช้เฮลิคอปเตอร์บินโปรยสารดังกล่าวรอบๆ บริเวณที่น้ำมันรั่ว จากการประเมินสถานการณ์ของบริษัท คาดว่าจะสามารถสกัดคราบน้ำมันไว้ไม่ให้พัดเข้าสู่ชายฝั่งได้ต่อไป

นายอรรถพล กล่าวว่า การกำจัดและควบคุมการกระจายตัวของน้ำมัน นับว่ามีการควบคุมได้อย่างรวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพ จนสามารถควบคุมได้เร็ว ส่วนผลกระทบนั้นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ คงจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใด

นายชาญนะ กล่าวว่า เรื่องความผิดก็ว่าไปตามขั้นตอน ทำผิดก็ต้องดำเนินคดี พร้อมมอบหมายให้ทาง พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง ทำการสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมฝากไปยังบริษัทเอกชนต่างๆ ควรตรวจสอบอุปกรณ์ให้อยู่ในมาตรฐาน หากพบว่าชำรุดหรือเสื่อมสภาพควรเร่งแก้ไข ก่อนจะเกิดความเสียหายตามมาอย่างนี้อีก