เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ในรายการ “โหนกระแส” โดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เชิญ น.ส.เอ และ น.ส.บี (นามสมมุติ) ญาติของผู้ที่หลงเชื่อลัทธิประหลาด แอบอ้างตัวเป็น “พระบิดาทุกศาสดา” พร้อมด้วย นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” มาพูดคุยในรายการ โดย น.ส.เอ เปิดเผยว่า ยายน้อย อายุ 80 ปี เป็นแม่ของตน เดิมนับถือศาสนาคริสต์ แต่ตอนหลังมาเจอลัทธินี้ถึงกับทิ้งพระคัมภีร์ไบเบิล ไปอยู่อาศัยในสำนักโดยไม่ยอมกลับบ้าน ภายหลังตนต้องไปพูดคุยให้กลับบ้านบ้าง ทำให้พบว่ามีลูกศิษย์และสาวกจำนวน 30 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยอายุ 70-80 ปี ครั้งแรกที่ไปจะต้องถอดรองเท้าเดินเข้าไปกว่า 500 เมตร จากนั้นต้องคลานเข้าไปกราบแบบที่เขากำหนด ต้องการประสานมือแล้วก้มกราบ 6 ครั้ง ถ้าเป็นผู้ชายหัวจะต้องแตะพื้นทุกครั้ง

น.ส.เอ เล่าอีกว่า สำหรับ “พระบิดา” จะอ้างตนว่าเป็น พ่อพระเยซู แต่กลับแต่งการเป็นฤๅษี ไม่อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายแต่อย่างใด ที่ผ่านมาตนสงสารที่เห็นแม่ต้องคลานไปบ่อเสลดบ่อน้ำลาย เอามือควักล้วงน้ำในบ่อมาล้างหน้าและตักกิน โดยฝ่ายพระบิดาอ้างว่า ทุกส่วนในร่างกายของเขาเป็นยาทั้งหมด ทั้งยังอ้างอีกว่าเป็น “พระมโหสถ” สาวกต้องกินน้ำของพระบิดาเพื่อรักษาโรค และป้องกันโควิดได้ ต่อมาฝ่ายพระบิดาบอกให้ ยายน้อย ตัดขาดความเป็นแม่ลูกกับตน และให้อยู่ในสำนักเท่านั้น จะกลับบ้านได้เป็นบางครั้ง แต่ต้องกลับมาในวัน 5 ค่ำ และ 9 ค่ำ มิเช่นนั้นจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ โดยแต่ละครั้งต้องไปขอกราบทูล เพื่อให้พระบิดาอนุญาตก่อน

ด้าน “กัน จอมพลัง” กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนลงสำรวจพื้นที่พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องและหมอปลา พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่สาธารณะ มีการระดมคนนอกเข้ามาอยู่อาศัย หลอกว่ามี “พระมโหสถ” รักษาโรคป้องกันโควิดได้ บางคนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือ ก็เอาน้ำของพระบิดาไปกิน จนสุดท้ายตายอยู่ในนั้น และศพก็ไม่ได้เอาออกไปแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมี ศพเด็กอายุ 1 ขวบ 7 เดือนด้วย โดยฝ่ายพระบิดาอ้างว่า น้องที่ตายอยากอยู่กับตน ทำให้แม่ที่นำลูกมารักษามอบศพไว้กับสำนัก

“… สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ พระบิดาอ้างว่า ร่างกายตัวเองเป็นยาแต่กลับไม่กินเอง เน้นแต่ผลิตเท่านั้น นอกจากนี้ในสำนักจะพบว่ามีการนำเอาโลงศพมาต่อท่อใส่ถุงเพื่อให้น้ำเหลืองไหล จากนั้นก็เอาไปแจกจ่ายให้สาวกทาหน้า หากเหม็นก็จะบอกเป็นคนเลวคนชั่ว ใครได้กลิ่นดอกมะลิกลิ่นดอกไม้เป็นคนดี…” กัน จอมพลัง กล่าว

ด้านทนายไพศาล เปิดเผยสั้น ๆ ว่า ขณะนี้ฝ่ายงานเกี่ยวข้องกำลังเอาศพทั้ง 11 ศพไปตรวจพิสูจน์ และยังพบว่ามีสาวกประมาณ 30-50 คนอยู่ในสำนัก ซึ่งก็ต้องรอดูว่าในพื้นที่นี้จะมีศพอื่น ๆ อีกหรือไม่

จากนั้น “กัน จอมพลัง” ยังกล่าวย้ำว่า เจ้าลัทธิบอกว่า อาบน้ำครั้งล่าสุด วันแม่ปีที่แล้ว ตอนที่ตนไปตรวจค้นยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ใส่เสื้อเต็มยศ บอกว่ามาที่แห่งนี้ 3 ครั้งแล้ว มาถวายของให้พระบิดา เรื่องนี้ได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิทราบแล้ว ท่านยังบอกว่าจะต้องดำเนินการแน่นอน

ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นมีการแจ้งข้อหา บุกรุกพื้นที่สาธารณะ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ การรักษาโรคโดยไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ เรื่องศพกำลังตรวจสอบว่าจะเข้าองค์ประกอบกฎหมาย ซ่อนเร้นทำลายศพหรือไม่ เพื่อให้เกิดการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดูแลนั้น ก็ต้องไปดูว่าทำไมถึงอนุญาตให้เข้ามาใช้ได้แบบนี้ ส่วนกรณีการให้ผู้ป่วยไปกินฉี่กินน้ำเหลืองแล้วไม่หาย ภายหลังเสียชีวิตนั้น ก็จะงัดเอาข้อกฎหมายมาดำเนินการให้หมด

ขณะเดียวกัน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกรมอนามัย เปิดเผยว่า อยากเตือนไปยังประชาชนและผู้ที่เชื่อในลัทธินี้ว่า การกินขี้ไคลที่มีแบคทีเรียและเชื้อรา เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนความเชื่อการกิน “ปัสสาวะ” นั้น ทางการแพทย์และแพทย์แผนไทย ยืนยันแล้วว่า ไม่สามารถรักษาโรคได้จริง เพราะในปัสสาวะ มีแต่ยูเรียและยาตกค้าง นำไปทานก็จะมีอันตรายต่อร่างกายเช่นกัน สำหรับประเด็นที่ว่า มีการนำเอา “น้ำเหลือง” ไปให้คนไข้กินหรือทาน โดยอ้างว่าเป็นการรักษาโรค แล้วถึงแก่ความตายนั้น ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะในน้ำเหลืองจะมีเชื้อโรคปะปนอยู่ด้วย อาจเกิดอันตรายต่อชุมชนได้ ใครที่พบเห็นการกระทำลักษณะแบบนี้ขอให้รีบแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขพื้นที่โดยด่วน

“กัน จอมพลัง” ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่น่ากังวลก็คือ เรื่องที่พบว่ามี 5 ศพที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมถึงนำศพมาไว้ที่แห่งนี้ อาจต้องสงสัยว่ามีการสวมสิทธิคนตายหรือไม่ ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่า มีการฝังและเผา แต่เอาเข้าจริงกลับเอาน้ำเหลืองมาใช้ นอกจากนี้ยังมีคนให้ข้อมูลว่า มีคนที่หลงเชื่อในลัทธินี้นำเงินมาถวายให้เจ้าลัทธิหลายแสนบาทด้วย เงินดังกล่าวไปอยู่ที่ไหน

ในช่วงท้ายรายการ “หนุ่ม กรรชัย” กล่าวว่า “….คนอื่นเรียกพระบิดา แต่ศรีธัญญาเรียกคนไข้…” ก่อนจะถามญาติของ “ยายน้อย” ว่าเคยถามไหมว่า ทำไมยายถึงเชื่อขนาดนั้น น.ส.เอ กล่าวว่า เคย เพราะพระบิดาสอนให้ละทิ้งทุกอย่าง ละทิ้งญาติพี่น้อง ตัดขาดให้หมด สอนให้ละทิ้งร่างกาย จะตายวันไหนเดี๋ยวพระบิดาบอกเอง

สามารถติดตามชมคลิปทั้งหมดได้ที่นี่…คลิก

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากรายการ “โหนกระแส