เมื่อวันที่ 11 พ.ค. พ.ต.อ.อรรถพล พลพรม ผกก.5 บก.ทล. มอบหมายให้ พ.ต.ท.เจต จึงประเสริฐศรี สว.ส.ทล.5 บก.ทล. นำหมายศาลจังหวัดเชียงรายดำเนินคดีกับนายวริสสร (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี และนายกานต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาว​จ.เชียงราย หลังจากทั้งคู่ได้กระทำผิดกฎหมายจราจร และแจ้งใบสั่งหลายครั้ง โดยนายวริสสร พบการกระทำความผิดตามใบสั่งจำนวน 53 ครั้ง ส่วนนายกานต์ได้รับจำนวน 25 ครั้ง แต่ไม่เคยไปชำระค่าปรับทำให้ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลแขวง​ จ.เชียงราย และเข้าทำการจับกุมนายวริสสรและจับกุมนายกานต์ ได้ที่บ้านพัก

จากนั้นได้แจ้งข้อหาตามใบสั่งให้ทราบว่ามีกากระทำผิดกฎจราจรเป็นประจำ โดยเฉพาะขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง และฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ซึ่งมีอัตราโทษ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ทางหลวง ปี 2535 มาตรา 5(2), มาตรา 69 ข้อหาฝ่าฝืนไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนดเวลาตามใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร โดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งมีอัตราโทษ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตาม​ พ.ร.บ.จราจรทางบก ปี 2522 มาตรา 155 และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนข้องผู้อื่น ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8), มาตรา 160 ด้วย ซึ่งหลังจากเข้าควบคุมตัวแล้วได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นนายวริสสร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายกานต์ ให้การปฏิเสธ

พ.ต.ท.เจต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เพราะพบว่ามีการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง และฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบนพื้นทางตามแยกต่างๆ ในพื้นที่​ จ.เชียงราย ในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาเป็นจำนวนมาก และเมื่อได้รับใบสั่งแล้วกลับไม่เคยไปชำระค่าปรับ ทั้งยังกระทำผิดอีกอย่างต่อเนื่องซ้ำซากโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงถือว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมทาง​ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นและเพื่อเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ประชาชนได้รับประโยชน์ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อดำเนินคดีฟ้องต่อศาลต่อไป

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรเพราะกรณีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ว่า หากทำผิดซ้ำซากจะมีโทษทั้งจำและปรับดังกล่าว.