วันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีข่าวสะพัดว่า พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เตรียมลาออกจากหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) เนื่องจากมีแนวทางไม่ตรงกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เกี่ยวกับจุดยืนว่าจะหนุน-ไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามถึงกระแสข่าวดังกล่าวกับ พล.อ.วิชญ์ ซึ่งกล่าวยืนยันว่า ยังไม่ลาออก แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยคิดจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย แต่มีหลายคนโทรศัพท์มาขอร้องเพราะอยากให้อยู่ช่วยแก้ไขปัญหากันไปก่อน

“หลายคนบอกขอให้อยู่ช่วยกัน อย่าทิ้งพวกเรา ซึ่งผมฟังแล้วรู้สึกใจหายเลยต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ ทิ้งพวกเขาไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน และยืนยันจะทำให้ดีที่สุดทำให้บ้านเมืองดีขึ้น” พล.อ.วิชญ์ กล่าว

เมื่อถามว่ากระแสข่าวลาออก เกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะตามข่าวบอกว่ามีแนวคิดไม่ตรงกับ ร.อ.ธรรมนัส ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่ หัวหน้าพรรคพรรคเศรษฐกิจไทยกล่าวว่า ก็ไม่ถึงกับไม่ตรงกัน เพราะตนเข้าใจจุดยืนของ ร.อ.ธรรมนัส ดีและเคยบอกไปแล้วว่า เรื่องไหนดีก็สนับสนุน ยึดผลประโยชน์ประชาชน เป็นหลัก

“ผมและ ร.อ.ธรรมนัส มีความไม่เข้าใจกัน ต่างคนต่างทำ เลยคิดว่าไปด้วยกันลำบาก แต่สิ่งสำคัญถ้ารับฟังทั้งสองฝ่าย มันก็ไปได้ แต่นี่คือ การรับฟังไม่มี ไปเชื่อบุคคลที่สามบ้าง ซึ่งมองว่าไม่น่าจะทำแบบนั้น เห็นคนอื่นในพรรคที่เข้ามาใหม่ ก็เห็นใจตั้งใจมาทำงานเพื่อบ้านเมือง พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็คงผิดหวัง แต่คงจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง แต่สิ่งสำคัญต้องมีความจริงใจกัน มีอะไรพูดตรงๆ แค่นั้นเอง ไม่ต้องมาพูดอย่าทำอย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ แต่ตอนนี้ยืนยันยังไม่ลาออก เพราะต้องนึกถึงคนที่เขาตั้งใจเข้ามาทำงานให้พรรค ผมเองก็ตั้งใจเข้ามาแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง” พล.อ.วิชญ์ กล่าว

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคเศรษฐกิจไทย ในฐานะกรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวว่า หลังจากได้เกิดข่าวความขัดแย้งขึ้นภายในพรรคที่ปรากฏต่อสื่อมวลชน กรรมการบริหารพรรคจำนวน 15 คน ได้ยื่นหนังสือลาออกลงวันที่ 24 พ.ค.2565 ต่อนายทะเบียนพรรคการมืองและนำรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบแล้วนั้น จะส่งผลให้มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ เพื่อให้กรรมการบริหารชุดใหม่ที่มีความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ทำให้พรรคมีความเข้มแข็ง ไปสู่จุดมุ่งหมายได้ และทุกท่านจะร่วมมือกันทำงาน และขับเคลื่อนนโยบายพรรค ไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น อย่างยั่งยืน พรรคของเราจะมีความเป็นปึกแผ่น และเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป

นายบุญสิงห์ กล่าวว่า ตนเห็นว่า เมื่อใครมีปัญหาควรหันมาพูดจากันในพรรคก่อน ไม่ควรนำไปพูดข้างนอกพรรค ทำให้เกิดสร้างความเข้าใจผิดภายนอก ส่งผลกระทบต่อพรรค แบบนี้ไม่สามารถขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันต่อไปได้ ซึ่งเราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง จึงได้ตัดสินใจยุติปัญหาดังกล่าว

นายบุญสิงห์ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจไทย มีจำนวน 22 คน เมื่อยื่นลาออกครึ่งหนึ่ง หรือจำนวน 12 คน ถือว่าพ้นสภาพกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด หลังจากนี้ ทางพรรคจะจัดให้มีการประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ ภายใน 45 วัน ตามกรอบข้อบังคับของพรรคเศรษฐกิจไทย เพื่อจะให้พรรคสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนดำเนินงานได้ตามปกติต่อไป

“เรามีความเข้าใจที่ตรงกันว่า เมื่อพรรคมีปัญหา ก็จะต้องปรับปรุงแก้ไข เพราะปัญหาต่างๆ ไม่ใช่อุปสรรคทำให้ท้อถอย หากแต่เป็นพลังให้พรรคมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น และพรรคจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน ตามจุดยืนของพรรคที่ได้ประกาศไว้” นายบุญสิงห์ กล่าว