เมื่อวันที่ 15 เม.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยผลการจับกุมตัว น.ส.ลิตา อายุ 27 ปี ชาว จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 4 หมาย ประกอบด้วย 1.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 1064/2564 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” 2.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 80/2565 ลงวันที่ 28 มกราคม 2565 ข้อหา “ฉ้อโกง”

3.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 156/2565 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ข้อหา “ฉ้อโกงและฉ้อโกงประชาชนและให้กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์” และ 4.หมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 305/2564 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกง, ผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา บริเวณลานจอดรถ หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.โพสะ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณต้นเดือน ต.ค. 2564 ขณะที่ผู้เสียหายกำลังพักผ่อนและเล่นเฟซบุ๊กอยู่ที่บ้านพัก ได้เห็น น.ส.ลิตา โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนบุคคลทั่วไปที่อยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊กให้ร่วมลงทุนออมเงินออมทอง ซึ่งหากลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนเป็นเงิน 137,000 บาททุกวัน รวม 4 วัน โดยแบ่งจ่ายวันละ 34,250 บาท ต่อมาผู้เสียหายสนใจจึงร่วมลงทุนโอนเงิน 100,000 บาท เข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี น.ส.ลิตา โดยโอนผ่านแอปธนาคาร หลังโอนเงินไปแล้ว ได้แจ้งให้ น.ส.ลิตา ทราบ และ น.ส.ลิตา บอกว่าจะโอนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้เสียหาย รวมเป็นเงิน 137,000 บาท

ต่อมา เมื่อถึงกำหนดนัดหมายจ่ายเงินที่ผู้เสียหายลงทุน น.ส.ลิตา ไม่ยอมคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืน ผู้เสียหายพยายามติดตามทวงถามแต่ได้รับการผัดผ่อนเรื่อยมาและได้รับแจ้งว่าไม่มีเงินจ่ายคืนให้และไม่สามารถติดต่อได้ การกระทำดังกล่าวทำให้ได้รับความเสียหายจึงมาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ลิตา ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง และ/หรือความผิดที่เกี่ยวข้อง” จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ต้องหากระทำการในลักษณะดังกล่าว จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ร่วมลงทุนเสียหายหลายล้านบาท ต่อมาเมื่อตำรวจจับกุมตัว น.ส.ลิตา ผู้ต้องหาได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับว่า เปิดบ้านวงแชร์ออมเงินออมทองจริง และไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหาย เพราะนำเงินไปลงทุนกับอีกเท้าแชร์อีกเจ้า ที่บอกให้ตนไปหาลูกค้ามาให้ และยังบอกว่า ตอนนี้กำลังขายทรัพย์สินเพื่อนำเงินไปคืนกับผู้เสียหาย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากการสืบสวนพบว่า เคยไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันในประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนหันมาประกอบอาชีพขายของออนไลน์แล้วเปิดวงแชร์ออมเงินดังกล่าว จึงแจ้งข้อหาตามหมายจับก่อนส่งดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ขอฝากเตือนประชาชนว่า โลกปัจจุบันที่เข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น จึงมีมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนผ่านการเล่นแชร์ออนไลน์ โดยการโฆษณาชักชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมิจฉาชีพจะอ้างว่าได้ผลกำไรสูงในระยะเวลาสั้นๆ และทำให้ตายใจ ด้วยการจ่ายผลตอบแทนตามที่โฆษณาไว้เพื่อเป็นการหลอกให้ลงทุนสูงขึ้น และบางคนถึงขั้นไปชักชวนญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงมาร่วมลงทุนอีกด้วย ซึ่งสุดท้ายมิจฉาชีพมักจะอ้างว่าธุรกิจขาดทุน มีปัญหา จึงไม่สามารถส่งเงินได้ตามปกติ พร้อมทั้งบอกกับผู้เสียหายว่าอย่าเพิ่งแจ้งความ สุดท้ายจะตัดการติดต่อและหลบหนีไปในที่สุด