จากกรณี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงข่าวร่วมกับ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ ดาราสาวชื่อดัง “แตงโม-นิดา” หรือ ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ว่าจะเข้ามารับผิดดูแลคดีของ “แตงโม” เนื่องจากคุณแม่ของแตงโมเชื่อว่าลูกสาวถูกฆาตกรรมอำพราง โดยก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ ยืนยันว่ามีหลักฐานเอาผิดบุคคลบนเรืออย่างแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้นำหลักฐานดังกล่าวออกมาเปิดเผยแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือ บังแจ๊ค ก็ได้นำเอาโทรศัพท์ของแตงโมไปใช้ โดยมีการเข้าเฟซบุ๊กกับไอจี และไลน์ ของดาราสาว ก่อนจะโพสต์ข้อความป่วนไปมา ทั้งยังส่งภาพลับไปให้เพื่อนของดาราสาวด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งภายหลัง นางภนิดา ได้ออกมาเปิดเผยว่าเป็นคนให้โทรศัพท์มือถือของลูกสาวกับ “บังแจ็ค” เอง สาเหตุก็เพราะต้องการให้ไปสืบค้นหาข้อมูลในเครื่อง ดูว่ามีหลักฐานคลิปภาพอะไรเชื่อมโยงทางคดีหรือไม่ เรื่องนี้ทำให้กลุ่มทนายความชื่อดังหลายคน พยายามออกมาให้ข้อมูลทางกฎหมายและเตือน คุณแม่ของแตงโม ว่าหากพบว่ามีการปั้นพยานหลักฐานที่เป็นเท็จ คุณแม่ก็จะมีความผิดไปด้วย และยังเตือน นายมงคลกิตติ์ ว่าขอให้ทบทวนดูการกระทำเกี่ยวกับการปกป้องบังแจ๊ค ว่าเป็นเรื่องที่ ส.ส.ควรทำหรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กระบุว่าเตือนครั้งสุดท้าย ฝากไปถึงทนายความ 4 คน ที่ปัจจุบันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับคดีของแตงโม เป็นแค่คนนอกที่วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งหากทำเพียงแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมายสามารถทำได้ แต่ต้องให้ความรู้ทั้ง 2 ด้าน และต้องใช้น้ำเสียงในการให้ความรู้แบบสุภาพ แต่ถ้าใครออกความเห็นในทางที่มีผลกระทบต่อคดี หรือทำให้โจทก์เกิดความหวาดกลัว ขอให้เลิก ขอเตือนไปยังทนายเดชา กิตติวิทยานันท์, ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด , ทนายรัชพล ศิริสาคร , ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ขอเตือนครั้งสุดท้าย ออกความเห็นทางวิชาการสร้างสรรค์ทำได้ แต่ถ้ามีผลกระทบต่อทีมงาน ต่อโจทย์ ต่อพยานบุคคล พยานแวดล้อม

1.ตนจำเป็นต้องดำเนินตามกฏหมายตามปกติ 2.ร้องเรียนมารยาททนายความ และ 3.ใช้วิถีทางทางการเมืองกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตนไม่ได้บอกว่าวิธีไหน แต่ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยความที่รู้จักทุกคน ไม่อยากทำอะไรไปมากกว่านี้ เพียงแค่ต้องการให้คดีเคลื่อนไปตามระบบ

“…ถ้าใครข่มขู่ ใครข่มเหงหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ผมจำเป็นต้องใช้วิถีทางหลายรูปแบบในการปกป้องคนของผมทุกคน ผมคงไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ ฝากให้ส่งเสียงไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ถ้าปรับเปลี่ยนผมก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนผมก็จะไม่เตือนพวกคุณอีก ผมเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ผมจำเป็นต้องปกป้องทีมงาน ปกป้องแม่น้องแตงโม ให้ผมได้ทำงานได้สะดวกเถอะ จะได้ไม่กระทบกับใคร ใครก็ตามที่มาขัดขวางการทำงานของผมและทีมงานทั้งหมด ผมจำเป็นต้องใช้วิธีการหลาย ๆ รูปแบบด้วยกัน หรือเรียกว่าวิธีการทางการเมืองกับพวกคุณ ผมเตือนเป็นครั้งสุดท้ายและจะไม่เตือนอีก…” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายมงคลกิตต์ ได้มีการโทรศัพท์มาพูดคุยกับทนายเดชา โดยจะให้เลิกวิพากษ์วิจารณ์คดีแตงโม หากไม่ทำตาม ก็จะใช้วิธีการทางการเมือง ทำให้ทางทนายเดชา เตรียมจะเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามในวันที่ 30 พ.ค. เวลา 11.00 น. ขณะที่ นายมงคลกิตต์ ได้ไปให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่งโดยรับว่าทำจริง จำเป็นต้องขู่ เพราะอีกฝ่ายขู่คนในคดีก่อน ใครขัดขวางจำเป็นต้องจัดการ.