เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุมีการใช้มีดพร้าฟันกัน ภายในกระท่อมนาท้ายหมู่บ้านหนองสะหนาย ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ก่อนที่เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันได้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ต่อมา ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รอง สว.สอบสวน สภ.หนองหาน และตำรวจสืบสวน สภ.หนองหาน เข้าไประงับเหตุ จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุเจ้าของกระท่อมนาชื่อ นายสว่าง หรือ ช่วงจันทรศรี อายุ 80 ปี ส่วนคนเจ็บชื่อนายบัวเรียน ไชยราช อายุ 69 ปี ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

ล่าสุดวันนี้ทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ บริเวณกระท่อมนาท้ายหมู่บ้านหนองสะหนาย พบกับนายไบเล่ คำมะฮุ่ง อายุ 55 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ นำผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบที่กระท่อมนาของนายสว่าง พบเพียงร่องรอยกองเลือดที่ถูกดินทรายกลบไปแล้ว บนแคร่ไม้ภายในกระท่อมนา มีร่องรอยเลือดที่แห้งกรังกระจายเต็มอยู่บนแคร่ยังมีที่นอน หมอน มุ้ง อยู่ครบ ไม่มีร่องรอยการรื้อค้นหรือร่องการต่อสู้ในบริเวณอื่นแต่อย่างใด

จากการสอบถามนายไบเล่ ทราบว่า นายสว่าง หรือ ตาช่วง พื้นเพเป็นคนบ้านคอนสาย ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี มาได้เมียที่บ้านหนองสะหนาย ต่อมาประมาณ 20 ปีที่แล้ว ภรรยาของตาช่วงเสียชีวิต ลูกหลานก็ไปมีครอบครัวอยู่ที่หมู่บ้านอื่น ตาช่วงได้ออกมาอยู่ที่กระท่อมนาคนเดียวตั้งแต่ตอนนั้น อาศัยเงินเบี้ยชรารายเดือน นานครั้งลูกถึงจะมาเยี่ยม ตาช่วงเป็นคนนิสัยดี เป็นคนกว้างขวางชอบดื่มสุราเป็นประจำ พูดจาโพงพางเสียงดัง มักจะมีเพื่อนนักดื่มวัยใกล้กันแวะเวียนมาตั้งวงเป็นประจำคนเจ็บก็เห็นบ้างบางครั้ง ก่อนหน้านี้ตาช่วงมีภรรยาใหม่อายุประมาณ 60 ปี มาอยู่ด้วยกันช่วงหลังปีใหม่ กระทั่งช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ภรรยาใหม่ของตาช่วงก็หนีไป เคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยคุยกัน วันเกิดเหตุตนและครอบครัวออกมาดำนาตั้งแต่เช้า ได้ยินเสียงตาช่วงตะโกนเสียงดังเอะอะโวยวายอยู่สักพัก แต่ก็คิดว่าแกคงตะโกนดุด่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ 2 ตัว ไม่นึกว่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่เสียงโวยวายก็ยังไม่หยุด ก่อนที่จะมีเสียงคล้ายต่อสู้กัน และมีเสียงตาช่วงตะโกนขอความช่วยเหลือ

ต่อมาเห็นตาช่วงเดินถือมีดพร้าออกมาที่ริมทางเข้าหน้ากระท่อมนา สภาพเลือดเปรอะเปื้อนตามร่างกายพร้อมกับพูดว่า “กูฆ่ามันแล้ว” ตนเองจึงบอกให้กลับเข้าไปที่กระท่อมนาพร้อมกับให้ลูกไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน พอผู้ใหญ่บ้านมาถึงที่เกิดเหตุตนถึงกล้าเดินเข้าไปดู ก็เห็นนายบัวเรียนนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้นที่แต่ยังให้การได้ ตาช่วงที่อยู่ในอาการมึนเมาก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนยืนรอให้การกับตำรวจ

ด้าน นายจำนงค์ หงษ์คำ อายุ 73 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า หลังจากภรรยาใหม่ตาช่วงหนีไปนายบัวเรียน ก็แวะมาหาบ่อยขึ้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายบัวเรียน ชอบพูดจาเยาะเย้ย ในทำนองที่ว่าตาช่วงไม่มีน้ำยา ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนภรรยาต้องหนีไป หรือ นกเขาไม่ขัน และทำไมไม่ยกภรรยาให้เขา กระทั่งมาเกิดเหตุทะเลาะกันจนมีการท้าทายกันเกิดขึ้น ทำให้ตาช่วงที่เป็นนักเลงรุ่นพี่ทนไม่ได้ จึงใช้มีดพร้าฟันกันจนได้บาดเจ็บ

ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รอง สว.สอบสวน สภ.หนองหาน เปิดเผยว่า หลังจากสอบสวนปากคำนายสว่างรับสารภาพว่าได้ใช้มีดพร้าทำร้าย นายบัวเรียน เพื่อนนักเลงรุ่นน้อง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงแจ้งข้อกล่าวหา “พยายามฆ่า” และรอมอบตัวกับตำรวจในที่เกิดเหตุ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ประกอบกับมีอายุมากแล้ว จึงให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ส่วนนายบัวเรียนผู้บาดเจ็บขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว