ตรงนี้สะท้อนได้ถึงอารมณ์ ความรู้สึก ของคนในสังคมที่ต้องการเปลี่ยนตัว “ผู้นำประเทศ” แถมยังตอกย้ำเพิ่มแรงเขย่าแลนด์สไลด์กับ ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” ที่ระบุออกมาว่า คนไทยต้องการให้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “ลูกสาวคนเล็ก” ของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ พรรคเพื่อไทย กระแสนิยมก็มาอันดับ 1

อาการน่าเป็นห่วงหลังผลโพลออกมาคงหนีไม่พ้น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่สภาพภายใน ส.ส.ระส่ำหนักอยู่แล้ว แค่เจอกระแส “ชัชชาติ ฟีเวอร์” พุ่งทะลุปรอทแตก ก็ต้องมาทบทวนตัดสินใจถึงอนาคตทางการเมือง สะท้อนได้จากการประชุมพรรคล่าสุดที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พปชร. ต้องปลุกขวัญลูกพรรค ประกาศกวาด ส.ส. 150 ที่นั่ง พร้อมกับไล่จี้ถาม ส.ส.รายตัวที่มีกระแสข่าวย้ายพรรค ส่งสัญญาณแสดงให้ถึงความระแวงกับเลือดไหลออกแบบเงียบๆ ที่ ส.ส. “บางกลุ่ม” รอแค่จังหวะและเวลาไปเท่านั้น เพราะอยู่ต่อเห็นเค้าลางสอบตก แม้แต่ “แกนนำอีสาน” คนใกล้ตัว “บิ๊กป้อม” ที่วิ่งเข้า-ออก มูลนิธิป่ารอยต่อฯ แทบจะวันเว้นวัน ก็ยังมีข่าวดีลลับยกตระกูลไปซบพรรคสีน้ำเงิน

ล่าสุดพ พปชร. ก็เพิ่งตื่นเดินหน้าจัดเวทีพบประชาชน “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” ใน 10 เวที 10 ภาค ประเดิมเวทีแรกให้ “บิ๊กป้อม” ตัดริบบิ้นตีปี๊บผลงาน “รมต.-ส.ส.” วันที่ 10 ก.ค. 2565 จ.ชลบุรี ที่ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.พรรค เตรียมขนมวลชนร่วมงานไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ประกาศศักดาบารมี พร้อมเปิดศึกกับคู่แข่ง “บ้านใหญ่” ตระกูล “คุณปลื้ม” แบบเต็มตัว

แต่ก็ไม่รู้ว่าการเดินสาย “โรดโชว์ 10 เวที 10 ภาค” จะทันเวลาและจะกู้แต้มคะแนนได้ทันการณ์หรือไม่ เพราะสภาพการทำงานภายในของพรรค พปชร. ไม่มีเสถียรภาพ ไร้ความเป็นเอกภาพ มีการเลือกใช้งานเฉพาะคนของตัวเองเท่านั้น ใครไม่มีกลุ่มสังกัด ก็ยิ่งโดดเดี่ยว แถมยังมีจุดอ่อนด้านการพีอาร์ ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามตีกินมาตลอดเป็นปีๆ ตรงนี้ยิ่งตอกย้ำการเป็น “พรรคเฉพาะกิจ” ประกอบกับความเสื่อมศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล จากความล้มเหลวในการบริหารงาน การแก้ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น สินค้าทุกอย่างพาเหรดขึ้นราคาแก๊ส น้ำมันพุ่งทะลุเพดาน ฯลฯ สะท้อนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สอบตก

ตรงนี้ยังไม่นับรวมถึงความเป็น เอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะในศึกซักฟอก วันที่ 19-22 ก.ค.นี้ 4 วัน ลงมติวันที่ 23 ก.ค.นี้ ถือเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของพรรคฝ่ายค้าน ที่จ้องดิสเครดิต หวังผลนำไปตีกินเวทีนอกสภา แต่เวทีสภาต้องระวังหอกข้างแคร่ “บิ๊กตู่” คือ  “กบฏธรรมนัส” ภาค 2 ที่รอบนี้ “ของจริง” มาแน่ และถ้ารอดก็แบบทุลักทุเลหมดกล้วยไปหลายไร่ โดยเฉพาะบรรดารัฐมนตรีที่ต้องหนีคะแนนบ๊วย ยิ่งทำให้ภาพเสื่อมหนักลงไปอีก 

ดังนั้นถ้ายังไม่ปรับกลยุทธ์ด้านพีอาร์ช่วงชิงมวลชน เส้นทางที่ “3 ป.” และ “พลังประชารัฐ” หากจะไปต่อคงลำบาก