เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่สำนักงานเทศบาลนครตรัง นายถนอมพงศ์ หลีกภัย รองนายกเทศมนตรีนครตรัง ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีอุบัติเหตุภายในงาน “กะพังสุรินทร์โรดเรซซิ่ง 65” ที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย และผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ การแข่งขัน จยย. ทางเรียบดังกล่าว ทางเทศบาลไม่ได้เป็นผู้จัดงาน มีผู้นำชุมชนกะพังสุรินทร์เป็นคนจัด แต่เป็นเจ้าของพื้นที่ที่อนุญาตให้จัดงาน และช่วยเหลืออำนวยความสะดวก โดยจากอุบัติเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ก็ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เป็นจังหวะในการแข่งขัน ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ได้เรียกทางคณะผู้จัดมาประชุมถึงแนวทางการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งก็ได้รับคำตอบจากคณะผู้จัดว่าต้องมีการเยียวยาและรับผิดชอบ

รองนายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะมีการจัดงานทางคณะผู้จัดได้มีการจัดคณะทำงานตรวจตราความพร้อมสนามแข่งและทำหนังสือแจ้งมาให้เทศบาลนครตรังทราบเรื่อง ซึ่งตนก็ลงไปตรวจดูด้วยตัวเองตนได้แจ้งให้ผู้จัดงานเตรียมล้อยาง บังเกอร์ มาเตรียมไว้ แต่พอแข่งขันจริง ตนมาดูคลิปก็ไม่ทราบว่าล้อยางที่ตั้งไว้บริเวณดังกล่าวหายไปไหน ก็ได้ทราบจากผู้จัดบางรายว่า ก่อนหน้านี้มีนักแข่งเสียหลักไปชนจนล้อยางกระจาย จึงต้องเก็บออกไปให้เรียบร้อย และจุดดังกล่าวใกล้จุดสตาร์ตเป็นทางตรง แต่เวลาแข่งก็มีความอันตราย ตนได้แจ้งกับทาง ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรังแล้ว การแข่งขันครั้งหน้าต้องรอบคอบรัดกุมกว่านี้ ทั้งเรื่องสภาพถนนที่ใช้ทำการแข่งขัน ตรวจ จยย. ซีซีสูง ว่าเหมาะกับสถานที่จัดการแข่งหรือไม่

นักแข่งจยย.ซิ่งเสียหลักหลุดถนนพุ่งชนคนดู เจ็บอื้อกว่า8รายสาหัส2ราย

หดหู่ซ้ำด.ช.วัย2ขวบกะโหลกร้าวหนุ่ม16ดับ หลังถูกรถแข่งเสียหลักพุ่งชน

รองนายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีที่มีคนยืนดูริมฟุตปาธบางส่วนก็มีการเดินตัดถนนตามที่ปรากฏในคลิปนั้น ตนขอตอบตรงๆ เลยว่า เป็นความผิดพลาดของผู้จัด เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับอันตราย ทางเทศบาลนครตรังจะต้องกลับไปทบทวนและอาจจะต้องจำเป็นหยุดการจัดงานแข่งขันที่สวนสาธารณะสระกะพังสุรินทร์ จะต้องไปหาสนามแข่ง จยย. ทางเรียบโดยเฉพาะ หรือจะไปจัดแข่ง จยย.วิบาก คนดูเข้าชมจะต้องจัดเป็นที่เป็นสัดส่วน

“ส่วน ส.ท. รายหนึ่ง ที่ไปขัดขวางการทำงานโดยการปัดกล้องและสั่งห้ามทำข่าว พร้อมเดินตามประกบตัวนักข่าวเพื่อให้ออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสังกัดหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ส่วนกลางประจำ จ.ตรัง นั้น ตอนนี้ก็ตรวจสอบแล้ว ยอมรับเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ต่างคนต่างทำหน้าที่ โดยจากนี้จะมีการเรียกมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะมีการลงโทษทางวินัยหรือลงโทษอย่างไร จะมีการตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้ง” รองนายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าว.