นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ปี 65 นี้ คาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้มูลค่ารวม 1.2 ล้านล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ จากการเร่งระดมทุนของผู้ออกภาคเอกชนเพื่อล็อกต้นทุนการเงินจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งเห็นได้จากครึ่งปีนี้ที่ผ่านมามีการออกหุ้นกู้แล้ว 660,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ออกหุ้นกู้ 521,474 ล้านบาท โดยมูลค่าการออกหุ้นกู้ในทุกกลุ่มอันดับเครดิตเพิ่มมากขึ้น และมีอายุเฉลี่ยยาวขึ้นจาก 4.7 ปี เป็น 5.1 ปี และพบว่าหุ้นกู้อายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไปมีการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กลุ่มที่มีการออกหุ้นกู้ช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ออกหุ้นกู้รายใหม่เพิ่มถึง 14 บริษัท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 7 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบริษัทลูกที่อาศัยจังหวะล็อคต้นทุนการเงินมาออกหุ้นกู้แทน อาทิ กลุ่มปิโตรเคมี อาหารพลังงาน ไอซีที ซึ่งอุตสาหกรรมที่ออกหุ้นกู้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มพลังงานมีมากถึง 24% จากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้หันมาออกหุ้นกู้เพิ่ม อาทิ ปตท., กัลฟ์, ไออาร์พีซี เป็นต้น ตามด้วยอสังหาริมทรัพย์ 15% และกลุ่มปิโตรเคมี 13%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดการณ์ว่าเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นกู้จะไหลออกจากตลาดไทยต่อเนื่องจากปัจจัยค่าเงินและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นกู้อายุน้อยกว่า 1 ปี ซึ่งปัจจุบันถือครองอยู่ประมาณ 100,000 ล้านบาท แต่เชื่อมั่นว่าแม้กลุ่มดังกล่าวมีโอกาสไหลออกแต่ไม่ทิ้งประเทศไทยไปไหน และไม่กระทบกับตลาดตราสารหนี้โดยรวม เพราะนักลงทุนต่างชาติถือครองเพียงแค่ 1.03 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 7% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ที่มีมากถึง 15 ล้านล้านบาท

“ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาในช่วง 2 เดือนแรกนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง แต่พลิกกลับเป็นขายสุทธิหลังการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน และเริ่มทยอยกลับเข้าซื้อในเดือน เม.ย.-พ.ค. จากนั้นมีการพลิกกลับมาขายสุทธิอีกครั้งในเดือน มิ.ย. หลังจากธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกกระแสเงินลงทุนต่างชาติลดลงสุทธิ 5,175 ล้านบาท”