เมื่อวันที่ 13 ก.ค. เพจเฟซบุ๊กแพทยสภา ได้เผยแพร่ประกาศแพทยสภา เรื่องไม่ใช่กัญชาในทางที่ผิด ใจความว่าจากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 8 หน่วยงานของรัฐ ในวันที่ 27 พ.ค.65 เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชงในการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง และไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมหรืออันตราย พบว่าหลังจากวันที่ 9 มิ.ย.65 เป็นต้นมา มีผู้ใช้กัญชาจำนวนมากเจ็บป่วยฉุกเฉิน/ประสาทหลอน ทำร้ายตนเองและผู้อื่น ไปเพิ่มภาระงานที่ห้องฉุกเฉินโดยไม่จำเป็น กัญชามีผลกระทบด้านลบต่อการเจริญเติบโตของสมองและพัฒนาการของเด็กในระยะยาวด้วย อีกทั้งกัญชาไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ ใช้เพียงบรรเทาอาการชั่วคราวของโรคตามข้อบ่งใช้เท่านั้น

แพทยสภาจึงมีคำแนะนำการใช้และไม่ใช้กัญชาให้ประชาชน ดังนี้ใช้เฉพาะสารสกัดกัญชาที่ทราบปริมาณแน่นอน ของสาร CBD และ THC ในการรักษาโรคตามข้อบ่งใช้จากแพทย์ที่ผ่านการอบรม ไม่ใช้กัญชาในลำดับแรกในการรักษาโรค จะใช้เมื่อใช้ยามาตรฐานขนานอื่นแล้วไม่สามารถรักษาหรือควบคุมอาการ/ภาวะของโรคได้, ไม่ใช้กัญชาในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี เพราะมีผลต่อพัฒนาการของสมอง, ไม่ผสมกัญชา/กัญชงลงในอาหารหรือขนม สำหรับให้ประชาชนรับประทาน, ไม่ใช้ กัญชา/กัญชงเพื่อนันทนาการโดยเด็ดขาด, ไม่ใช้ช่อดอกของกัญชา เพราะมีสารเสพติด ซึ่งจะทำให้สุขภาพทรุดโทรมลงได้มาก และไม่ใช้ กัญชา/กัญชงโดยเด็ดขาดในประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้มีโรคตามข้อบ่งใช้

ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายกัญชา เป็นนโยบายที่เราหาเสียงไว้ และเมื่อเราได้เสียง ส.ส.มา 40-50 เสียง เราจึงเพิกเฉิยไม่ได้ เมื่อมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องทำงานให้เกิดความเป็นรูปธรรมสูงที่สุด ตนเชื่อเสมอว่า ถ้าทำอย่างเต็มที่ ความสำเร็จจะตามมาเอง แต่ถ้ามันยังไม่เกิดผลลัพธ์ ตามที่ตั้งใจไว้ ก็เพราะยังไม่พยายามพอ ต้องทุ่มเทมากขึ้นไปอีก โชคดีที่พรรคภูมิใจไทย เรามีแต่คนพลังเยอะ การทำงานจึงลุล่วงไปด้วยดี ตอนนี้ประชาชนเริ่มเข้าใจเป้าหมายของนโยบายเราแล้ว ว่าเป็นไปเพื่อการแพทย์ และเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ตอนนี้ได้รับกำลังใจจากประชาชนที่เข้าใจเรา

ส่วนที่มีข่าวเรื่องการใช้ไปในเชิงนันทนาการ เราขอย้ำว่าเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์ และมีประกาศจากหลายหน่วยงานออกมา เป็นการช่วยกัน เพื่อตีกรอบให้อยู่ในความถูกต้องเหมาะสม การสูบในที่สาธารณะ การจำหน่ายกัญชาให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ล้วนมีความผิดทั้งสิ้น กฎหมายมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ ผู้บังคับใช้กฎหมายมีอำนาจดำเนินการ แล้วการที่เราให้ลงทะเบียนการปลูก เพราะเราไม่ให้นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อพบการกระทำผิดกฎหมาย เราจะได้รู้ที่มาที่ไป เป็นการอำนวยความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งจะช่วยในการดูแลการใช้ เช่น ถ้าพบเด็กสูบกัญชาในโรงเรียน ต้องสืบได้ว่าเอากัญชามาจากไหน ใครปลูก ได้มาอย่างไร ทีนี้เราจะรู้แล้วว่าใครผิดใครถูก ใครต้องถูกลงโทษ

เรื่องกัญชา เราให้เสรี แต่เพื่อการแพทย์เท่านั้น เพื่อสุขภาพเท่านั้น ถ้าใช้นอกเหนือจากที่กล่าวมีความสุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมาย ต้องคิดให้รอบคอบ แล้วการจดทะเบียนการปลูกกัญชา ในนั้นมีคำถามหลายข้อให้ท่านตอบ เราถามเรื่องของจำนวนสมาชิกในครอบครัว ท่านต้องคิดแล้วว่า ในบ้านมีเด็ก ท่านควรจะปลูกหรือไม่ โปรดคิดให้ละเอียด เพราะกฎหมายห้ามเด็กเข้าถึง แน่นอนว่านโยบายกัญชา หลายฝ่ายจับตามอง การให้ข้อมูลหลายครั้ง จำเป็นต้องพิจารณา อย่าเพิ่งรีบตัดสิน อย่างกรณีที่ กทม. มีรายงานการเสียชีวิตจากกัญชา พอไปไล่ดูให้ละเอียดปรากฏว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง จนท่านผู้ว่าฯ ต้องมาชี้แจง ตอนนี้การติดตามข่าวสารต้องระมัดระวัง

เมื่อถามถึงนโยบายสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า นายอนุทิน ตอบว่า “ถ้าพูดออกมาแล้วต้องใช่เลย ถูกใจประชาชน และเป็นนโยบายที่มีประโยชน์กับคนไทย พูดมาแล้วปัง ปังแล้วต้องไม่ขายฝัน ต้องใหม่ แต่ต้องทำได้จริง พรรคภูมิใจไทยเราได้รับความความคาดหวังในเรื่องนี้อยู่แล้ว มีนโยบายกัญชาเป็นเครื่องพิสูจน์ เราเป็นพรรคปฏิบัติ ถ้าบอกว่าพูดแล้วทำ คนต้องนึกถึงภูมิใจไทย ”