จากกรณี โลกออนไลน์แชร์ภาพเหตุการณ์เด็กนักเรียนหญิงรุ่นพี่ชั้น ม.6 และ ม.4 รวม 4 คน เข้าไปรุมทำร่ายร่างกาย เด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 เพียงคนเดียวจนหน้าตาปูดบวม สาเหตุจากอีกฝ่ายกล่าวหาว่า ฝ่ายเด็ก ม.2 ไปมองหน้าเขม่น ภายหลังแม่ของเด็กผู้เสียหายร้องกับสื่อมวลชน พร้อมแจ้งควาเอาผิดรุ่นพี่ทันที ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ต. ที่โรงเรียนในพื้นที่ จ.อุดรธานี ทางผู้บริหารโรงเรียนและฝ่ายงานเกี่ยวข้องได้เชิญผู้ปกครองและเด็กทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยก่อนจะเข้าเจรจากันนั้น น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี แม่ของ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนมีลูก 3 คน ด.ญ.บี เป็นลูกคนโต น้องอีก 2 คนอายุ 8 และ 4 ขวบ ส่วนสามีไปทำงานประเทศไต้หวัน

วันเกิดเหตุคือ วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ช่วงพักกลางวัน ลูกสาวโดนอีกฝ่ายที่ไม่เคยพูดคุยหรือรู้จักกันมาก่อน เข้ามารุมทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยตามร่างกายและเตะบริเวณใบหน้า มีการใช้โทรศัพท์มือถือทุบที่ศีรษะอย่างแรง ทำให้ได้รับบาดเจ็บหน้าตาปูดบวมบอบช้ำไปทั่งร่าง ช่วงเกิดเหตุมีเพื่อนถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานเพื่อเอาผิดคู่กรณี โดยตนยืนยันว่าลูกไม่เคยมีพฤติกรรมทะเลาะวิวาทกับใคร ขณะที่อีกฝ่ายมีประวัติเรื่องการใช้ความรุนแรงอยู่เป็นประจำ

“…ตอนแรกไม่กล้าที่จะดูแม้แต่คลิป จึงให้น้องสาวเป็นคนดูก่อน พอได้ดูแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ เห็นแต่ในข่าว ไม่คิดว่าจะเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับลูกสาวของตัวเอง เมื่อเช้า ผอ.โรงเรียน ได้นำกระเช้ามาปลอบขวัญและพูดคุยแล้ว รู้สึกพอใจอยู่บ้าง แต่ยังติดใจกับผู้บริหารโรงเรียนคนหนึ่ง ที่พูดคุยกับลูกสาวด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม กล่าวนำนองว่า เรื่องทำเลาะกันเป็นเรื่องเล็กน้อย ซึ่งตรงนี้มองว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าไม่ไปร้องเรียนกับสื่อก็คงไม่มีการขยับ เรื่องเยียวยา ลงโทษทางวินัยก็ว่ากันไป ส่วนคดีความก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด ตอนนี้ได้พูดคุยกับครูเท่านั้น ยังไม่ได้พุดคุยกับผู้ปกครองอีกฝ่าย…” น.ส.เอ กล่าวและเผยด้วยว่า

ก่อนหน้านี้ลูกเคยเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ปีที่แล้วในโรงเรียนมักมีเหตุการณ์ความรุนแรงอยู่เป็นประจำ ช่วงแรกเคยให้นั่งรถประจำทางพอมีเหตุการณ์ตบตีกันบนรถ ก็ให้เปลี่ยนไปนั่ง จยย.ไปกับเพื่อนแทน สุดท้ายก็มาเกิดเหตุกับลูกในโรงเรียนอีก ตอนนี้สงสารลูกมาก เพราะต้องฝืนหอบร่างบอบช้ำไปโรงเรียนเนื่องจากมีสอบ และเมื่อเล่าให้สามีฟัง สามีก็โกรธและสงสารลูกมาก ๆ เช่นกัน จึงอยากขอให้ฝ่ายงานเกี่ยวข้องช่วยให้ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ และหาทางป้องกันเหตุการณ์ในอนาคตต่อไปด้วย.