แม้ไทม์ไลน์ต่อไป “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังคงถือธงนำองคาพยพพรรคร่วมรัฐบาล บริหารประเทศอยู่ยาวจนครบเทอม 4 ปี ในเดือนมีนาคม 2566 และมีโอกาสสูง ที่จะตัดสินใจยุบสภาในช่วงเดือนมกราคม เพื่อให้มีการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2566

ท่ามกลางความยากลำเค็ญของคนไทยที่ปรากฏในทุกหัวระแหง โดยที่ “บิ๊กตู่” มักจะท่องคาถาว่า สาเหตุมาจาก สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน โรคระบาดทั้งโควิด-ฝีดาษลิง กระตุกเศรษฐกิจตกต่ำ เงินบาทอ่อน เงินเฟ้อพุ่ง

ปัญหาเหล่านี้ทุกคนรู้ดี แต่ 4 ปีของ รัฐบาลบิ๊กตู่ พิสูจน์ชัดว่า ประชาชนไม่สามารถฝากความหวังไว้ได้ เพราะการแก้ปัญหาของรัฐบาลวนลูปอยู่ที่ “กู้ แจก แต่ไม่จบ” กลายเป็นแค่น้ำซึมบ่อทราย คนไทยยังคงลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ต้องเผชิญชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ 

วิกฤติศรัทธา จึงเป็นหนึ่งใน วิกฤติร้อนลางร้ายสะท้อนจุดตายในสงครามครั้งใหม่ ของรัฐบาลชุดนี้ ที่สำคัญทุกวิกฤติศรัทธาที่ว่าจะมารวมตัว และรอเวลาเอาคืนในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะสิ่งที่ประชาชนเห็นอยู่ตลอด คือการเมืองเพื่อพรรคพวกตัวเอง โดยทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง  

โดยสิ่งที่ปรากฏชัดในขณะนี้ คือการเล่นละครการเมือง “รอยรัก รอยร้าว” แบบตบจูบ มีการเปิดยุทธการทวงเก้าอี้รัฐมนตรี จากเสียงโหวตศึกซักฟอกที่ผ่านมา ที่เกิดปรากฏการณ์ 6 ส.ส.ปากน้ำ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แหกอาญาสิทธิ์ของ “หัวหน้าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร.  โหวตคว่ำ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รัฐมนตรีจากพรรคเดียวกัน ส่วน “มาดามเดียร์” สางแค้นส่วนตัว โหวตงดออกเสียง ”ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ตามคาด  

ยังมีอีก 3 ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา แหกมติพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยการเปิดยุทธการหักหลัง โหวตงดออกเสียงไว้วางใจหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์

ยังไม่รวมปรากฏการณ์แจกกล้วยกลางสภา จน ป.ป.ช. ออกมารับลูก สั่งสอบปมไลน์หลุด ส.ส.พรรคเล็กได้กล้วย ถ้าแลกโหวตส่อผิดติดสินบน

หลังศึกซักฟอก เกิดแรงกระเพื่อมระลอกใหญ่ เกิดเสียงกระหึ่ม กดดันให้ “นายกฯ ตู่” ขยับปรับ ครม. ชู “พี่ป้อม” นั่งเก้าอี้ มท1. แทน “น้องป๊อก” ที่จะถูกโยกไปนั่ง รมว.กลาโหม แทนที่ “น้องตู่” ที่ควบตำแหน่งนี้อยู่ ยังไม่รวมเก้าอี้อื่น ๆ ที่รอขยับตาม งานนี้ “บิ๊กตู่” ชิงปิดเกม จับเข่าพี่น้อง 3 ป. ประกาศยังไม่ขยับปรับ ครม. แต่แว่วว่า การปรับ ครม.จะมีขึ้นในช่วงหลังเดือนกันยายนนี้ หลังการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการผ่านพ้นไปแล้ว

ถ้าเป็นจริง เท่ากับว่า “บิ๊กตู่” เดินเกมไม่ทันสถานการณ์ ปรับเพื่อตอบโจทย์การเมือง แต่ไม่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะถ้าปรับ ครม.เดือนกันยายน รัฐมนตรีใหม่จะเหลือเวลาทำงานอีกไม่ถึง 6 เดือน โอกาสที่จะสร้างผลงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนเป็นไปไม่ได้เลย จุดนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งวิกฤติของรัฐบาล ที่ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง  

ขณะที่ปมร้อน ปมร้าย ที่สำคัญคือ การพลิกกติกาเลือกตั้ง เพื่อชักธงรบในสงครามสู้ศึก เพื่อเอาชนะแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย เอาชนะเกมร้อนของ “โทนี่ วู้ดซัม” นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องการเป็นอมตะ ด้วยการพลิกจากสูตรหาร 100 ไปใช้สูตรหาร 500 ล่าสุดสั่งถอยยูเทิร์นกลับไปใช้สูตรหาร 100 บัตรเลือกตั้งใบเดียว เล่นเอางงกันไปทั้งแผ่นดิน

เกมนี้ เปิดฉากในวงหารือของ 3 ป. กลางทำเนียบรัฐบาล ถึงเกมชิงธง วางกติกาเลือกตั้ง ตามร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาเห็นชอบให้ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 500 โดยเห็นชอบให้กลับไปใช้สูตรเลือกตั้งบัตรใบเดียวแบบเดิม จากนั้นมีการเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลให้รับทราบในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาล มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับเกมดังกล่าว โดยเห็นว่า มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ใช้บัตรเลือกตั้งสองใบมาแล้ว จะทำให้เสียเวลาประเทศชาติ

อย่างไรก็ตาม อ.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ฟันธงไว้ว่า รัฐบาลอยากได้บัตรใบเดียวเหมือนที่เคยใช้ในการเลือกตั้งปี 2562 เพราะเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อสูตรหาร 100 หรือสูตรหาร 500 จากการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ รัฐบาลคำนวณแล้ว ยังไงก็แพ้ โอกาสสกัดแลนด์ไสลด์จะทำได้น้อย เพราะระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ไม่ว่าจะคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 หรือหาร 500 จะเข้าทางพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ที่มีฐานเสียงมาก และฐานเสียงแน่นหนาในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต

ขณะที่ ส.ส.พปชร. เหนือ-อีสาน กลับออกอาการผวาคืนชีพบัตรใบเดียว เพราะไม่ได้ทำให้ได้เปรียบแต่อย่างใด โดย ส.ส.บางคนได้แสดงความเห็นในไลน์กลุ่มพรรคด้วยว่า ไม่เห็นด้วย เพราะกระแสในพื้นที่สู้กับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลไม่ได้ เสี่ยงจะสอบตก ประชาชนจะมีแค่ตัวเลือกเดียว ส่วนการใช้บัตรสองใบ อย่างน้อยจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน สามารถเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส. แม้ไม่ชอบพรรคที่สังกัดก็ตาม บางพื้นที่ ผู้สมัคร ส.ส.ที่มีฐานเสียงแข็งแรงพอจะขอร้องกับประชาชนได้ เพราะประชาชนยังสามารถไปกาพรรคที่ชื่นชอบได้อีกใบหนึ่ง ซึ่งการใช้บัตรใบเดียว เอื้อแค่เพียงพื้นที่ภาคใต้ ที่ พปชร. และตัว พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีกระแสอยู่ โดย ส.ส.ภาคเหนือบางส่วน ถึงกับระบุว่า หากที่สุดผู้ใหญ่ตัดสินใจใช้บัตรใบเดียว อาจจะต้องโยกย้ายพรรคเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ เนื่องจากกระแสของพรรคเพื่อไทยค่อนข้างแรง

ในส่วนของ ส.ส.ภาคอีสานบางส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับบัตรใบเดียว ด้วยเหตุผลเดียวกัน และพยายามจะแจ้งกับผู้ใหญ่ของพรรค เพื่อไม่ให้สนับสนุนแนวทางนี้ 

อาการดิ้นทุรนทุรายเลยโชว์ให้เห็นกับโจทย์ร้อนเกมอำนาจ มุ่งแก้กติกาเพื่อชัยชนะของตัวเอง จนประชาชนผู้ตกอยู่ในสภาพไม่มีจะกินตั้งคำถามว่า รัฐบาลทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง ความดันทุรังเดินเกม พลิกกติกา เพื่อพวกพ้อง โดยทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง จะกลายเป็น ลางร้ายสงครามครั้งใหม่ เป็นวิกฤติร้อนสะท้อนจุดตาย 3 ป. โดยโอกาสที่จะเงยหน้ารับความพ่ายแพ้จะมาแบบเต็มร้อย สิ่งที่ต้องทำ ณ เวลานี้ คือ การปรับกระบวนทัพแบบ 360 องศา มุ่งหน้าสร้างศรัทธาด้วยทีมงานคุณภาพ สร้างผลงาน แก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำที่ฝังลึกในใจคน